ประธานาธิบดีโจ ไบเดนหักด่านโควิด-19 แบบตัดปมกอร์เดียน

สถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ล่าสุด (วันอาทิตย์ ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564) มีคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 27,519,636 คน และเสียชีวิตด้วยสาเหตุไวรัสโควิด-19 แล้ว 473,528 คน รักษาหายแล้ว 17, 268,517 คน ถึงแม้คิดเป็นอัตราร้อยละก็ยังดูต่ำอยู่แบบว่าจากจำนวนคนป่วยเนื่องจากไวรัสโควิด-19 จำนวน 17,042,345 คน ในสหรัฐอเมริกานั้นรักษาหายดีแล้ว 97% และเสียชีวิตไป 3% แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกายังครองตำแหน่งประเทศที่มีการแพร่ระบาดด้วยไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตจากไวรัส-19 สูงที่สุดในโลกอยู่ดี

สาเหตุของการครองแชมเปี้ยนประเทศที่มีการแพร่ระบาดด้วยไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตจากไวรัส-19 สูงที่สุดในโลกของสหรัฐอเมริกานั้นเนื่องจากทางการของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประมาทเห็นว่าไวรัสโควิด-19 เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาและอัตราการตายจากไวรัสโควิด-19 นั้นต่ำมากจึงไม่ได้มาตรการการป้องกันอย่างจริงจังประกอบกับคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยและวัฒนธรรมการสัมผัสมือและการสวมกอดกันนั้นทำให้เชื้อไวรัส-19 แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนต้องมีการล็อกดาวน์เมืองต่างๆ ส่งผลให้ธุรกรรมต่างๆ ต้องหยุดชะงักลงไปด้วยทำให้เกิดการว่างงานเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจตกต่ำเกิดการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับคนจนที่เพิ่มขึ้นจากการตกงานอันเป็นปัญหาใหญ่ไม่เพียงแต่สหรัฐอเมริกาเท่านั้นแต่กระทบกระเทือนไปในทุกประเทศทั่วโลกอยู่ดี

สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน นั้นได้หาเสียงในการชิงชัยประธานาธิบดีโดยมีการเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาของโควิด-19 เป็นอันดับหนึ่ง โดยเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะทุ่มเงินกว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 57 ล้านล้านบาท จัดทำชุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่เพื่อต่อสู้กับวิกฤตทางสาธารณสุขและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชะงักงันจากโควิด-19 หลังจากเคยมีนโยบายกระตุ้นออกมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ใช้ชื่อว่า “The American Rescue Plan – แผนช่วยชีวิตชาวอเมริกัน” ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือแบบครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคมอเมริกันไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ธุรกิจ และรัฐบาลท้องถิ่น

ใจกลางของแผนการนี้คือการมอบเงินให้เปล่า 2,000 ดอลลาร์ต่อคน หรือประมาณ 60,000 บาท เพิ่มเติมจากเดิมที่จะให้เพียง 600 ดอลลาร์ต่อคน หรือประมาณ 18,000 บาท หมายความว่า รอบนี้คนอเมริกันจะได้เงินช่วยเหลือจากนโยบายสู้โควิดของไบเดนอีก 1,400 ดอลลาร์ต่อคน หรือประมาณ 42,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ต่อปี

Advertisement

แผนช่วยชีวิตชาวอเมริกันยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรายการ กล่าวคือ มีเงินให้เปล่าสำหรับผู้ว่างงาน 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ และมีเงินทุนสำหรับสนับสนุนการเปิดทำการของโรงเรียน จำนวน 1.3 แสนล้านดอลลาร์ กับเงินทุนช่วยเหลือรัฐบาลสำหรับมลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นจำนวน 3.5 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนั้น ยังได้ขยายเวลาโครงการช่วยเหลือสำหรับการว่างงานของแรงงานอิสระ แรงงานนอกระบบเช่นคนขับรถแกร็บ คนทำงานฟรีแลนซ์ไปจนถึงเดือนกันยายนปีนี้อีกด้วย

สุดท้ายคือจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังรวมถึงงบประมาณสำหรับการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงทั่วประเทศด้วย

Advertisement

นางแจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า

“จำเป็นต้องมีความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ หากไม่มีความช่วยเหลือชุดใหม่นี้ เราอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันยาวนาน และจะเกิดแผลเป็นทางเศรษฐกิจในระยะยาว”

แต่ทางพรรครีพับลิกันซึ่งตกเป็นพรรคฝ่ายค้านได้โต้แย้งคัดค้านว่ามาตรการช่วยเหลือก้อนใหม่นี้มีมูลค่าสูงเกินไป ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐ กำลังขาดดุลงบประมาณสะสมเป็นมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ คือ 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผ่านมาตรการช่วยเหลือมาแล้วก่อนหน้านี้สองชุดมูลค่ารวม 3 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น จึงขอต่อรองให้ลดงบประมาณที่กำหนดไว้จาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ให้เหลือเพียง 6 พันล้านดอลลาร์ คือตกลงจะให้เงินน้อยกว่าหนึ่งในสามจากที่รัฐบาลเสนอมาเท่านั้น แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันว่าการควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 และการบรรเทาทุกข์ประชาชนคือปัญหาใหญ่หลวงที่จะลดทอนลงไม่ได้โดยเด็ดขาด

ในที่สุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ตัดสินใจใช้วิธีหักด้ามพร้าด้วยหัวเข่าแบบตัดปมกอร์เดียนเสียเลย (ปมกอร์เดียนมีอยู่ในนครรัฐฟรีเจีย ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรีก ที่กษัตริย์อาไมดาสผูกเกวียนที่เขานั่งมาไว้กับเสาวิหารในเมืองกอร์เดียม ปมเงื่อนที่กษัตริย์อาไมดาสผูกนั้นแน่นหนามาก จนมีความเชื่อร่ำลือกันว่า ผู้ที่แก้ปมนี้ได้จะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองทวีปเอเชีย ครั้นต่อมาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาถึงเมืองกอร์เดียม เห็นว่าคงแก้ปมกอร์เดียนด้วยมือคงไม่ได้ จึงคว้าดาบมาฟันปมกอร์เดียนขาดออกเป็นสองท่อน จึงเป็นสำนวนสื่อถึงการแก้ปัญหายุ่งยากแบบฉับไวว่า “ตัดปมกอร์เดียน”) โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขอให้วุฒิสมาชิกผู้สังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 50 คน ซึ่งนับเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดทำการเสนอกฎหมายพิเศษสำหรับวุฒิสภาที่จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวใน 1 ปี ที่จะอนุญาตให้วุฒิสภาสามารถผ่านกฎหมายฉบับหนึ่งได้โดยใช้คะแนนเสียงข้างมากคือ 51-50 ซึ่งธรรมดากฎหมายต่างๆ จะผ่านวุฒิสภาอาจถูกขัดขวางโดยขบวนการฟิลิบัสเตอร์โดยวุฒิสมาชิกจะผลัดกันอภิปรายถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้กฎหมายผ่านได้ซึ่งต้องใช้คะแนนเสียง 60-40 จึงจะยกเลิกขบวนการฟิลิบัสเตอร์ได้ โดยให้นางกมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ไปทำการลงคะแนนเสียงด้วยทำให้กฎหมายพิเศษฉบับต่อไปคือ “แผนช่วยชีวิตชาวอเมริกัน” จะใช้คะแนนเสียง 51-50 ก็จะสามารถผ่านได้ต่อไป

ในวันเดียวกัน (ศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564) ประธานสภาผู้แทนราษฎรผู้สังกัดพรรคเดโมแครตนำแผนช่วยชีวิตชาวอเมริกันเข้าลงคะแนนเสียงผ่านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็สามารถผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเฉียดฉิวโดยคะแนนเสียง 219-209 โดยไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกันเอาด้วยแม้แต่คนเดียว

ครับ! ต่อไปคาดว่าไม่เกินกลางเดือนมีนาคมปีนี้กฎหมายแผนช่วยชีวิตชาวอเมริกันซึ่งใช้งบประมาณถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ก็จะผ่านรัฐสภาและบังคับใช้ได้แน่นอนโดยไม่ต้องอาศัยเสียงของทางสมาชิกของพรรครีพับลิกันแม้แต่เสียงเดียว ซึ่งนับว่าผิดหลักการเมืองโดยทั่วไปที่มักจะต้องประนีประนอมกันโดยเฉพาะการมีคะแนนเสียงในรัฐสภาก้ำกึ่งอย่างในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image