บทนำ : สอบได้-สอบตก
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล เริ่มต้นเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา การอภิปราย 2 วันแรก ทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างยืนยันว่า ฝ่ายตนอภิปราย หรือชี้ได้มีน้ำหนักมากกว่า นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การอภิปรายวันแรกยังไม่มีอะไรเจาะลึกมาก แต่มีประเด็นที่รัฐบาลยังตอบไม่ได้เป็นที่ค้างคาใจของสังคมหลายเรื่อง เช่น กรณีฝ่ายรัฐบาล ชี้แจงในเรื่องการนับอายุความ คดีโฮปเวลล์ การจัดอันดับการคอร์รัปชั่น เรื่องของบ่อนการพนัน อันเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโควิด การชี้แจงไม่เคลียร์ มีการท้าทายว่า ถ้ามีจริงให้มาแจ้งความ หากไม่แจ้งก็ถือว่ามีความผิด เป็นการเลี่ยงที่จะรับว่ามีบ่อนการพนันจริง และใช้วิธีการข่มขู่คนพูดคืน ว่าถ้าไม่แจ้งความก็ถือว่ามีความผิด
นายสุทินยังกล่าวว่า การอภิปรายในวันที่ 17 ก.พ. เรื่องเหมืองทองอัคราถือเป็นประเด็นสำคัญ รัฐบาลพยายามให้เอกชนถอนฟ้อง แลกกับสิทธิประโยชน์ของไทยที่จะยกให้จำนวนมาก ทั้งที่ดินและสิทธิการเข้าสำรวจ จึงถือว่าล้มเหลวมากที่สุด ถือว่าฝ่ายค้านจับได้ไล่ทัน รัฐบาลจนมุม ทั้งนี้ เชื่อว่าจากนี้ไปรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้จึงขอให้สังคมช่วยกันติดตาม ในเรื่องของเศรษฐกิจการใช้เงินแต่ละปีของรัฐบาล มีทั้งเรื่องการใช้ไม่เป็นและใช้ไม่ถูกหลัก มีการโยกงบใช้งบประมาณอย่างขาดวินัยไม่มีวินัยทางการเงินการคลัง ซึ่งรัฐบาลตอบไม่ตรงคำถาม และใช้เอกสารในการอ่าน เพื่อชี้แจงนั้น เป็นไปได้ควรใช้วิธีการแจกเอกสารเลยดีกว่า
ส่วนทางด้านรัฐบาล ระบุว่า ฝ่ายค้านสอบตก ไม่มีหมัดน็อก ซึ่งฝ่ายค้านต้องรับไปพิจารณาว่า การนำเสนอข้อมูล มีคุณภาพและเป็นระบบหรือไม่ ในภาพรวม ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้ระดับหนึ่ง ทำให้สังคมเห็นปัญหาการบริหารงานของรัฐบาลที่ควรปรับปรุง ส่วนรัฐบาล มีจุดอ่อนในเรื่องการเล่นเกมประท้วงพร่ำเพรื่อ มากเกินไป ทำให้การอภิปรายในเรื่องสำคัญ สะดุดเป็นระยะ การอภิปรายยังมีประเด็นสำคัญอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 การบริหารจัดการปัญหา และการจัดหาวัคซีน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลควรทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ และให้ประชาชนตัดสินว่า ควรจะไม่ไว้วางใจใคร
