ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
ปรากฏการณ์การรวมพลังของ กปปส. ทวนกลับมาให้รำลึกถึงอีกครั้ง หลังแกนนำถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกด้วยความผิดอันเกิดจากการชุมนุม
หมายถึงผู้พิพากษามีดุลพินิจว่าการชุมนุมที่คนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ดีงามนั้น เป็นความผิดที่ต้องถูกลงโทษ
จำนวนปีที่ให้จำคุกของแต่ละคนคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากต้องตระหนักว่าเป็นโทษหนัก เป็นความผิดร้ายแรง
ตรงนี้เป็นเรื่องน่าคิด
ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่า คนที่เชื่อว่าการกระทำเพื่อไล่รัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย เปิดทางให้เกิดการรัฐประหารนั้นเป็นความดีงาม
การได้รัฐบาลทหารเข้ามาเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อใช้ประชาธิปไตยสืบทอดอำนาจนั้นเป็นวีรกรรมเลิศเลอ
ทำให้พรรคพวกเครือข่ายได้เสวยวาสนาในศูนย์อำนาจกันคึกคัก เต็มไปด้วยสุขสโมสร
กปปส.ที่มีชื่อเต็มๆ ว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ถูกสถาปนาดั่งสถาบันที่ยิ่งใหญ่ ได้รับการยกย่องจากเครือข่ายที่ได้พึ่งพาในการเปิดทางให้มีอำนาจวาสนา ว่าเป็นคณะบุคคลที่มีคุณค่าสูงส่งต่อความเป็นไปของประเทศชาติ
เป็นผู้ทรงเกียรติในรัฐสภา เป็นรัฐมนตรีร่วมบริหารประเทศ
ทว่าวันนี้ หลังจากครองอำนาจมายาวนาน
เวลาแห่งการพิพากษาตามหลักกฎหมายก็มาถึง
ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วว่าพฤติกรรมที่เชื่อกันนักหนาว่าดีงาม เปี่ยมไปด้วยความเสียสละอันควรได้รับรางวัลเป็นการได้เสวยอำนาจวาสนานั้น
คือความผิดร้ายแรงต้องถูกลงโทษด้วยการจำคุกคนละหลายปี
ความเปลี่ยนแปลงนั้นนับว่าน่าสนใจแล้ว
ที่น่าสนใจกว่า กลับเป็นกลุ่มการเมืองที่ได้รับผลพลอยได้เข้ามามีตำแหน่งในศูนย์กลางอำนาจ แทนที่พวกเขาเหล่านั้นจะเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของผู้ต้องคำตัดสินให้จำคุก ว่าเหมือนดั่งผู้มีพระคุณที่ลงแรงเปิดโอกาสให้เข้าสู่อำนาจ
กลับกลายเป็นคนกลุ่มแรกที่ดูจะยินดีปรีดากับชะตากรรมที่พลิกสู่ความเลวร้ายของพวกเขาเหล่านั้น ด้วยการแสดงให้เห็นความกระเหี้ยนกระหือรือแย่งชิงตำแหน่งที่พวกเขาเพิ่งสูญเสียไปเพราะคำพิพากษา
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นบทเรียนที่สมควรต้องบันทึกไว้เพื่อจดจำยิ่ง
จดจำเพื่อรำลึกไว้เสมอว่า เกมแห่งอำนาจนั้น หากเล่นโดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง
ถึงที่สุดแล้วคำตอบ ตำตาตำใจอย่างที่เห็น
ความเชื่อว่า “ดี” ว่า “งาม” ว่า “เลิศเลอ” นั้น
“เลื่อนลอย” ชัดๆ