ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ตามอำนาจของรัฐสภา แม้จะเป็น 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร ในการถอดชนวนวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง
แต่จากสถานการณ์และสัญญาณทางการเมืองขณะนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดูแล้วอาจจะต้องจอดป้าย ยังไม่สามารถเริ่มนับหนึ่งแก้ไขได้
เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 2 ของที่ประชุมรัฐสภา ยังต้องลุ้นกับ 2 ด่านหินสำคัญ
ด่านแรก คือ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ที่มีเนื้อหาให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า สามารถทำได้หรือไม่ ในส่วนนี้คงไม่สามารถไปก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้
แม้นักวิเคราะห์การเมือง จะออกมาประเมินคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะมีคำวินิจฉัยออกมาใน 2 แนวทาง
คือ ไม่สามารถตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ หรือ สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องแก้ไขแบบรายมาตรา
ส่วนด่านที่สอง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว จะเป็นอำนาจของที่ประชุมรัฐสภา ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3
ในด่านที่สองนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (6) กำหนดไว้ว่า ต้องมีเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง ของ 250 ส.ว.
ยิ่งเมื่อดูจากสัญญาณของ ส.ว.บางคน ที่เปิดหน้าออกมาชัดเจนว่าจะลงมติไม่ให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่ 3 เนื่องจากมีข้อกังวลว่าเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 2 อาจเปิดช่องให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 และ 2 ได้
หากสัญญาณจาก ส.ว.ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขรัฐธรรมนูญคงจะไม่ผ่านด่านจากที่ประชุมรัฐสภาวาระที่ 3
แนวทางต่อไป คงต้องรอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีคำวินิจฉัยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ในแนวทางใด
หากศาลรัฐธรรมนูญให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้แต่ต้องเป็นแบบรายมาตรา หลายฝ่ายก็วิเคราะห์กันต่อว่า อาจจะไปเข้าทางเสียงข้างมากในรัฐสภา
โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ ส.ว.ที่จะเป็นตัวชี้ขาด หากต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ตัวเองได้ประโยชน์
ทุกฝ่ายที่คาดหวังกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเป็นทางออกให้กับประเทศ ต่างจับตากันว่า “คำตอบ”การแก้ไขรัฐธรรมนูญของผู้มีอำนาจ
สุดท้ายแล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อส่วนรวม หรือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
จตุรงค์ ปทุมานนท์