ฉากเก่า การเมือง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โครงการ 30 บาท

ก่อนที่ “ความฝังจำ” ของสังคมต่อ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะถูกตรึงอยู่กับสถานภาพ “นักโทษชาย” เป็นเวลาตามคำพิพากษา 1 ปี

ขออนุญาต “ย้อนอดีต” ไปสักเล็กน้อย

ไม่ได้ไปไกลถึงสถานการณ์รัฐประหารนองเลือดเมื่อเดือนตุลาคม 2519 อันส่งผลให้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา จำนวนมากเลือกหนทาง “ลี้ภัยขาว” เข้าไปอยู่ในเขตป่าเขา พนมพฤกษ์

หากเอาแค่สถานการณ์หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544

Advertisement

เป็นสถานการณ์ที่พรรคไทยรักไทยได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งและเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคความหวังใหม่ พรรคเสรีธรรม พรรคชาติไทย

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพรรคไทยรักไทยและจากรัฐบาลก็คือ การผลักดันโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคให้เป็นจริง

Advertisement

มองย้อนกลับไปเหมือนกับจะไม่ยากลำบาก

ไม่ยากลำบากเพราะอย่างน้อย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็เป็น “เด็กกิจกรรม” มีความสัมพันธ์อันดีอยู่กับ “หมอชนบท” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หมอหงวน” เจ้าของโครงการ

แต่ความเป็นจริง ไม่ง่าย

 

ไม่ง่ายเพราะว่าในวงการ “หมอจ๊ะ หมอจ๋า”

มิได้เป็นเอกภาพในทาง “ความคิด” บรรดาแพทย์ชนบทอาจมีบทบาท แต่มิได้หมายความว่าจะไม่มี “หมอพาณิชย์” ดำรงอยู่

ยิ่งกว่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ยังต่อต้านอย่างเต็มพิกัด

แรกที่พรรคไทยรักไทยนำเสนอนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรคเข้ามา เสียงโต้แย้งจากทุกสารทิศก็คือ อิมพอสสิเบิล เป็นไปไม่ได้

บางพรรคถึงกับเปลี่ยนสโลแกน “30 บาท ตายทุกโรค”

เพราะว่าแนวคิด “30 บาท รักษาทุกโรค” ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนต่อสถานะและเกียรติภูมิของบรรดา “หมอจ๊ะ หมอจ๋า” เป็นอย่างสูง

การต่อกรกับ “หมอ” ด้วยกัน อาจน่ากลัว แต่ก็สามารถฝ่าฟันไปได้

แต่การต่อกรกับพรรคการเมืองอันมากด้วยบรรดาขุนพลนักพูดระดับเอ้อย่างพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องหนักหนาสาหัส

ไม่เพียงมี นายชวน หลีกภัย หากแต่ยังมีดาวดวงใหม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

การปะทะกันในสภาผู้แทนราษฎรระหว่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงได้กลายเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้า 1 ในทางการเมือง ทำให้สถานะของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โดดเด่นขึ้นมาโดยพลันภายในพรรคไทยรักไทย

นี่คือ “ปรากฏการณ์” อันไม่ควรให้ “ผ่านเลย”

 

วิวาทะอันเกี่ยวกับ “โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค” อาจอาศัยเรื่องโวหารได้ในระดับที่แน่นอน 1 กระนั้นปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริงอยู่ที่ “ข้อมูล”

เรื่องนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มีความเหมาะสม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจได้รับการฝึกปรือในเรื่อง “วาทวิทยา” มาตั้งแต่อยู่อีตันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด

แต่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มาจากโรงเรียนเตรียมอุดม และมหาวิทยาลัยมหิดล

เขาเป็นเด็กที่ใฝ่ใจต่อการอ่านมาตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนอยู่จังหวัดนครสวรรค์ และรักษาจุดเด่นตรงนี้ไว้ทั้งระดับเตรียมอุดมศึกษาและระดับอุดมศึกษา

กระทั่ง ภายหลังเข้ามามีส่วนร่วมในแวดวง “สำนักพิมพ์”

จุดแข็งเป็นอย่างมากของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในประเด็นเกี่ยวกับ “โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค” คือ ความเข้าใจในปัญหา ความเข้าใจในความเป็นจริงของระบบสาธารณสุขในชนบทอันกว้างไพศาลของประเทศ

ขณะเดียวกัน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นคนสุภาพ นอบน้อมถ่อมตัว ไม่มีท่วงทำนองใดอันสะท้อนให้เห็นลักษณะก้าวร้าว

ความสุขุม เยือกเย็น นั่นเองที่ทำให้ “วิวาทะ” กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านไปอย่างงดงาม

ในที่สุด โดยสถานะแห่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็สามารถวางเสาเข็มให้กับโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค”

 

บทบาทของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข” จึงโดดเด่น

กระนั้น บทบาทนี้ก็มิอาจปฏิเสธพลังหนุนช่วยอย่างใกล้ชิดจาก “หมอหงวน” และบรรดา “หมอชนบท” ภายในกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงจากภายในพรรคไทยรักไทย

ประวัติศาสตร์อาจมีในหลายด้าน แต่คนที่ทำงานย่อมได้รับการเอ่ยถึง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image