ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
แล้วที่เคยวิตกว่าจะเกิดก็เป็นจริงขึ้นมา การระบาดของ “โควิด-19” ในประเทศไทยเราส่อว่าจะเข้าสู่ภาวะควบคุมไม่ได้
ตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการในรอบ 1 วันขึ้นสู่หลักพันคนติดต่อกันมาหลายวัน ในที่สุดมาอยู่ที่ 2,000 กว่า
การแพร่ระบาดที่เริ่มจากแหล่งบันเทิงของคนระดับบน ตอนนี้ลามผ่านระดับกลางที่เชื่อมไปสู่ระดับล่าง
ปัญหาหนักตอนนี้คือการบริหารจัดการเพื่อให้โรงพยาบาลรับผู้ป่วยมารักษา ที่ทางหนึ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแล อีกทางหนึ่งคือตัดโอกาสแพร่ต่อผู้อื่น
มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสได้ตรวจ เพราะระเบียบในการตรวจมีความยุ่งยาก โรงพยาบาลรัฐต้องสอบถามรายละเอียดจนกระทั่งเชื่อว่ามีความเสี่ยงจึงจะตรวจให้ ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนติดขัดระเบียบว่าหากตรวจพบต้องรับรักษา ทำให้ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับตรวจคนทั่วไป ซึ่งเสี่ยงต่อความยุ่งยากในการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
ความยุ่งยากของการขอตรวจขยายโอกาสแพร่ระบาด
การจัดการเพื่อแก้ปัญหานี้ยังทุลักทุเล
ก่อนหน้านั้นประเทศไทยเรา อาศัยการควบคุมที่เข้มงวดเด็ดขาด เป็นเครื่องมือ ประกาศเคอร์ฟิว สั่งล็อกดาวน์พื้นที่กันรวดเร็ว แต่วันนี้ทำเช่นนี้ไม่ได้แล้ว ปัญหาปากท้องของประชาชน ความอยู่รอดของธุรกิจ ช่องทางทำมาหากินของชาวบ้านที่ติดขัดมายาวนาน มาถึงจุดที่ “ไม่ไหวแล้ว” ถ้ายังต้องใช้มาตรการเดิมๆ มีหวังความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัวจะเพิ่มปัญหาอื่นตามมา และบางทีอาจจะรุนแรงกว่าปัญหาโควิด
การต้องออกไปทำมาหากิน ต้องพบปะผู้คน แม้จะมีสำนึกในการป้องกันตัวเองอย่างไร ก็หนีไม่พ้นที่จะอยู่ในสภาพต้องเสี่ยง เพราะไม่มีใครคาดเดาได้ถูกต้องว่าจังหวะจะติดเชื้อนั้นอยู่ตอนไหน
นี่คือการแพร่ระบาดที่เอาไม่อยู่
เมื่อยิ่งนับวันการรักษาผู้ป่วยยิ่งเป็นปัญหา สามารถเพิ่มโรงพยาบาลสนามได้ไม่ยาก แต่โรงพยาบาลสนามเหมาะสำหรับเป็นที่พักฟื้นหลังอาการดีขึ้นเท่านั้น เพราะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เหมาะสม และไม่มีหมอเพียงพอที่จะทำการรักษา ทำได้ดีแค่ดูแลตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
เตียงรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพพอสำหรับรักษา เริ่มขาดแคลน
ผู้ที่รู้ว่าตัวเองป่วยถูกขอให้รอหลายวัน เพื่อรอให้เตียงในโรงพยาบาลว่าง ซึ่งมีแล้วที่รอจน “ตาย” ไปก่อน เพราะเตียงที่มีจำกัด
การดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเองของผู้ป่วยหนักทำให้โอกาสระบาดเพิ่มมากขึ้น
เมื่อธรรมชาติของการระบาดคือขยายไปในอัตราเพิ่มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ความยุ่งยากในการควบคุมจะเกิดขึ้น
หลายคนมีความหวังที่วัคซีน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น
อย่างแรก การวางแผนบริหารที่ผิดพลาด เริ่มต้นด้วยการเลือกซื้อเพียง 2 ยี่ห้อ แล้วมากราบกรานขอซื้อยี่ห้ออื่นในตอนหลัง ทำให้อัตราการฉีดวัคซีนของคนไทยเป็นไปอย่างเชื่องช้า ถึงวันนี้ฉีดได้แค่แสนกว่าคน
การสร้างภูมิคุ้มกันจึงต้องรออีกยาว ยังไม่เกิดขึ้นในภาพรวม
ยิ่งหนักเข้าไปอีกเมื่อวัคซีนที่สั่งซื้อมา มีเรื่องราวสะท้อนให้เห็นคุณภาพไม่ถึงอยู่ทุกวัน เกิดผลข้างเคียงที่น่ากลัวสำหรับคนที่ได้ฉีด
ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่น
ทำให้การบริหารจัดการยากขึ้นไปอีก
สภาพรวมๆ จึงน่ากลัวยิ่ง
การระบาดเริ่มควบคุมไม่ได้ เพราะการบริหารระบบไม่เอื้อ การป้องกันตัวเองของประชาชนทำได้ยากขึ้น เพราะต้องแลกกับการแก้ปัญหาปากท้อง และกิจการล่มสลาย
คนป่วยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อหยุดการระบาด
ขณะที่วัคซีน ยังขาดแคลน มีไม่เพียงพอ และไม่เป็นที่เชื่อถือในความปลอดภัย
ด้วยเหตุนี้ หลายคนเริ่มแสดงความเป็นห่วงว่าวิกฤตจะขยายหนักขึ้น
หากยังบริหารจัดการกันแบบนี้