ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
อุตสาหกรรมสื่อไทยโดยรวมยังอยู่ในระยะ “เปลี่ยนผ่านขนานใหญ่”
แต่ถ้าจะสรุปกันง่ายๆ ว่านี่คือ จุดสิ้นสุดของ “สื่อเก่า” และจุดเริ่มต้นของ “สื่อใหม่”
หรือนี่คือจุดหันเหหักมุมชนิดกลับหลังหันของธุรกิจโฆษณา
รายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ก็บ่งชี้ว่า การฟันธงเช่นนั้น อธิบายกระบวนการและความเปลี่ยนแปลงในภาพรวมได้ไม่ดีนัก
ตรงกันข้าม นี่อาจเป็นความผันผวนปรวนแปรในระหว่างที่บทบาทของ “สื่อเก่า” ยังไม่ยุติลงอย่างสมบูรณ์หรือยังไม่หดเล็กลงจนถึงขีดสุด ส่วน “สื่อใหม่” ก็ยังไม่ถือกำเนิดขึ้นอย่างโชติช่วงชัชวาล
กระทั่งนำไปสู่ “ความเป็นไปได้” “ทางเลือก” “ทางรอด” ที่ค่อนข้างหลากหลาย
ที่อยู่ในความสนใจของใครหลายคน ก็ได้แก่ “สื่อออนไลน์” ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งในแง่จำนวนผู้บริโภคและเม็ดเงินโฆษณา
ทว่า ความท้าทายที่คนทำธุรกิจสื่อออนไลน์กำลังเผชิญและต้องหาวิธีรับมือในอนาคต ก็คือ การพยายามหลีกหนีให้พ้นจาก “กับดัก” เรื่อง “Passive Audience” และ “Passive Income”
“Passive Audience” คือกลุ่มผู้ชม/ผู้อ่าน ที่มุ่งรับข่าวสาร สาระ ความบันเทิง จากหน้าจอประเภทต่างๆ ในพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่กึ่งส่วนตัวกึ่งสาธารณะ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (นอกจากค่าสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต-คอมพิวเตอร์ และค่าสัญญาณอินเตอร์เน็ต)
คนกลุ่มนี้อาจเป็นฐานสำคัญของการมียอดคลิก-ยอดไลค์ หลักแสนวิว-แสนไลค์ขึ้นไป
พวกเขาอาจพร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมทางออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ
แต่พวกเขาอาจไม่ใช่ผู้บริโภคที่พร้อมจะจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการต่างๆ อย่างเต็มกำลัง หากสื่อออนไลน์พยายามจะแปรพลังในโซเชียลมีเดียไปสู่การทำธุรกิจ “ออฟไลน์”
ส่วน “Passive Income” สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสื่อออนไลน์ คือ รายได้โฆษณาที่มิได้เกิดจาก “การขายตรง” ไปยังลูกค้าเจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่เป็นรายได้โฆษณาทางอ้อม ที่ได้รับผ่านระบบจัดการโฆษณาของบรรษัทข้ามชาติระดับโลก ซึ่งจะแปรผันตามจำนวนผู้คลิกเข้าชมเว็บไซต์
ด้วยเหตุนี้ แม้ยอดคลิกจะเยอะ คนจะเห็นโฆษณาแยะ ทว่า ระบบจัดการโฆษณาที่มี “ตัวกลาง”ก็ส่งผลให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ประเภทต่างๆ มิได้รับรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเสียทีเดียว
การมี “Passive Income” และ “Passive Audience” จำนวนมาก อาจสร้างผลลัพธ์ที่น่าตื่นตะลึงในระยะแรก
แต่ในระยะยาว ถ้าผู้ผลิตสื่อต้องการมองเห็นอัตราการเจริญเติบโตทางรายได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสองประการข้างต้นก็อาจกลายสภาพเป็น “กับดัก” ในการดำเนินธุรกิจเข้าสักวัน
ในแง่ของการเป็นผู้ผลิตเนื้อหา การพยายามสร้างกลุ่ม “Active Audience” เพื่อนำไปสู่การมี “Active Income” จากการจำหน่ายสินค้าตรงไปยังผู้บริโภคที่มีกำลังจับจ่าย ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งน่าทดลองทำ
โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสื่อระดับกลาง-เล็ก ที่อาจริเริ่มงานประเภทนี้ได้คล่องตัวมากกว่า
เราจึงเริ่มเห็นการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์และการจัดงานอีเวนต์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งงอกเงยมาจากการผลิตเนื้อหาจนมีผู้ติดตามมากระดับหนึ่งในโลกออนไลน์
ซึ่งสุดท้าย ก็จะมีทั้งสิ่งที่ “ขายได้” (หรือขายได้ดีอย่างน่าทึ่ง) และสิ่งที่ “ขายไม่ได้” (หรือขายไม่ดีอย่างที่คิด)
ปลายสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทมติชนเพิ่งเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ของนิตยสารในเครือจำนวนสี่เล่ม ได้แก่ มติชนสุดสัปดาห์ (www.matichonweekly.com), ศิลปวัฒนธรรม (www.silpa-mag.com), เทคโนโลยีชาวบ้าน (www.technologychaoban.com) และเส้นทางเศรษฐี (www.sentangsedtee.com)
ด้วยความเป็นสื่อเฉพาะด้านที่มีผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม (อาจจะยกเว้นมติชนสุดสัปดาห์ซึ่งมีเนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย) คงส่งผลให้ “สาร” ที่นิตยสารเหล่านี้ผลิตขึ้น สามารถสื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับผู้อ่าน ที่สามารถจะให้คำแนะนำและสื่อสารกลับมายังผู้ผลิตเนื้อหาได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ปฏิสัมพันธ์ทำนองนี้อาจก่อให้เกิด “ความเป็นไปได้” “ทางเลือก” “ทางรอด” ใหม่ๆ
ขณะที่ทุกคนยังมองไม่เห็น “สูตรสำเร็จ” อันแน่นอนตายตัว