รักษากฎหมายมือต้องไม่เปื้อนเลือด โดย วสิษฐ เดชกุญชร

นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอ้างว่าพยายามฆ่าตัวตายขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาในเดือนธันวาคม 2553 หรือเมื่อเกือบ 6 ปีมาแล้วว่า เมื่อครั้งที่นายธวัชชัยเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยร่วมกับบุคคลอื่น ออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบให้บริษัทแห่งหนึ่งเป็นเนื้อที่กว่า 360 ไร่ และยังปรากฏด้วยว่านายธวัชชัยได้ออกโฉนดที่ดินในจังหวัดพังงาและสุราษฎร์ธานีด้วย บางแห่งทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ รวมแล้วเป็นจำนวน 500 ไร่ มูลค่าประมาณ 10,500 ล้านบาท (ตามราคาประเมินของกรมที่ดินไร่ละ 21 ล้านบาท) เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่รับโอนไปโดยผิดกฎหมายเป็นคหบดีชื่อดังในจังหวัดพังงาและภูเก็ต

นายธวัชชัยถูกไล่ออกจากราชการและหลบหนีการจับกุม และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 เนื่องจากเป็นคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายธวัชชัยไปควบคุมตัวไว้ในห้องขังของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ในวันที่ 31 สิงหาคม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแถลงว่า ในคืนวันที่ 29 สิงหาคม นายธวัชชัยได้พยายามฆ่าตัวตาย โดยใช้เสื้อของตนผูกคอกับลูกกรงห้องขัง เจ้าหน้าที่ตรวจพบและพยายามช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจแล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แต่นายธวัชชัยไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ข่าวต่อมาออกจะสับสน เพราะในวันเดียวกันนั้นเองปรากฏว่าในการแถลงข่าวของรองอธิบดีและผู้บังคับบัญชาชั้นผู้ใหญ่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้แถลงข่าวระบุว่านายธวัชชัยใช้ถุงเท้าผูกคอของตน แทนที่จะเป็นเสื้อตามข่าวแรก

Advertisement

กรณีบานปลายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ส่งศพของนายธวัชชัยไปให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของโรงพยาบาลตำรวจเพื่อผ่าศพชันสูตรตามระเบียบ เพราะผลการชันสูตรปรากฏว่าตับของนายธวัชชัยแตกและมีโลหิตออกในช่องท้อง เมื่อมีข่าวออกมาเช่นนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็แถลงว่า ตับแตกและโลหิตออกในช่องท้องอาจเป็นเพราะการช่วยชีวิตนายธวัชชัยด้วยการปั๊มหัวใจกระทำไม่ถูกวิธี

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ออกมาปฏิเสธว่าการปั๊มหัวใจนายธวัชชัยที่กระทำที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะไม่ทำความเสียหายให้แก่อวัยวะอื่น ไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อมีข่าวออกมาเช่นนี้ ก็มีผู้ข้องใจเป็นจำนวนมากว่านายธวัชชัยฆ่าตัวตายหรือถูกทำร้ายจนตายในขณะที่ถูกควบคุมตัว

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อสอบสวนกรณีนี้ ตามระเบียบไม่ทำให้สังคมลดความสงสัยลงได้ จึงอยากให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบด้วย และได้สั่งให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตรวจสอบกรณีนี้ โดยให้ตัวแทนจากหน่วยงานกลางร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเน้นความโปร่งใส และเมื่อปรากฏว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าเครื่องจับเท็จโดยไม่มีญาติผู้ตายรู้เห็นด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้กำชับว่า ต่อไปนี้ญาติผู้ตายต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยในทุกขั้นตอนของการสอบสวน

Advertisement

กรมสอบสวนคดีพิเศษนั้นเป็นผู้รักษากฎหมายและเป็นเสมือนหน่วยตำรวจอีกหน่วยหนึ่งที่รับผิดชอบคดีสำคัญที่มีลักษณะพิเศษนอกเหนือกว่าคดีอาญาธรรมดา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงต้องกระทำด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใสไม่น้อยกว่าตำรวจหรือผู้รักษากฎหมายหน่วยอื่นๆ การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งการให้มีเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการอื่นเข้าไปมีส่วนในการสอบสวนกรณีการตายของนายธวัชชัยนั้นเป็นการประกันความเป็นธรรมและความโปร่งใส ที่ส่วนราชการอื่นๆ ควรจะถือเป็นตัวบรรทัดฐานด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image