ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เปิดบ้านต้อนรับผู้นำนานาประเทศเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมที่เกี่ยวข้องอยู่ในขณะนี้
แน่นอนว่าผู้นำซึ่งเป็นที่จับตาเป็นพิเศษคือ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาเข้าร่วมประชุมอาเซียน-สหรัฐ ซัมมิต
ไม่เพียงเพราะเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจ หากทิ้งทวนเยือนเอเชียเป็นครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่ง ที่สำคัญคือเป็นผู้นำสหรัฐที่ยังดำรงตำแหน่งและมาเยือน สปป.ลาวเป็นคนแรก
ช่วงเวลาเว้นวรรคที่ไม่เคยมีผู้นำคนใดมาลาวเป็นผลมาจากสงครามเวียดนาม ยุคซีไอเอแทรกซึมเข้ามาปราบปรามคอมมิวนิสต์
จากข้อมูลของสำนักข่าวเอพี สหรัฐทิ้งกับระเบิดไว้ในลาวอย่างชุกชุมราว 2 ล้านตัน ตั้งแต่ปี 2507-2516 ร้อยละ 30 ยังไม่ระเบิด จนทุกวันนี้ลาวครองสถิติประเทศที่มีกับระเบิดมากที่สุดในโลก ตั้งแต่เกิดสงครามจนถึงปี 2551 มีชาวลาวเหยียบกับระเบิดตายและบาดเจ็บพิการแล้วกว่า 50,000 ราย
การที่โอบามามาลาวครั้งนี้จึงมีใบปะหน้ามาอย่างชัดเจนว่าเพื่อสะสางอดีตที่ค้างคาดังกล่าว จะได้เดินหน้าความสัมพันธ์ต่อไปได้ ด้วยการทุ่มเงิน 90 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,150 ล้านบาท สำหรับให้ลาวใช้เยียวยาผลกระทบจากกับระเบิดใน 3 ปีข้างหน้าตาม “ข้อผูกมัดทางศีลธรรม”
ส่วนบรรดานักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศมองแบบเจาะลึกว่า สหรัฐคงอยากกระชับสัมพันธ์กับลาวมากขึ้น หลังจากสนิทกับเวียดนามมากขึ้น
ถ้ามองการแข่งขันของมหาอำนาจในภูมิภาคอาเซียนระหว่างจีนกับอเมริกา มีการปรับกระบวนอยู่พอสมควร
โดยเฉพาะเมื่อกรณีพิพาททะเลจีนใต้เพิ่มดีกรีร้อนขึ้น เวียดนามขยับมาอยู่ใกล้สหรัฐ ส่วนลาวก็ขยับเข้าใกล้เวียดนาม ในขณะที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน มีสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอย่างคงเส้นคงวา ส่วนกัมพูชาใกล้ชิดจีนมากที่สุดในยุครัฐบาลฮุนเซน
สำหรับไทยพยายามจะอยู่ตรงกลางอย่างที่เคยเป็น แต่ด้วยเงื่อนไขจากเหตุการณ์รัฐประหารจึงยากที่จะดำรงความสนิทชิดเชื้อกับสหรัฐแบบเดิม การจะกระโจนเข้าหาจีนแบบเต็มตัวก็ยากอีก เพราะอำนาจการต่อรองลดลง
ด้านฟิลิปปินส์ จากเดิมที่เป็นมหามิตรอันดับต้นๆ ของสหรัฐมาตลอด จนมาปีนี้พอเปลี่ยนผู้นำเป็นแนวบู๊-ห้าวมากเกินไป ความสัมพันธ์เริ่มส่อแววจะมีปัญหา
ไม่เพียงเพราะนโยบายปราบปรามยาเสพติดที่ปล่อยให้มีการฆ่าตัดตอนอย่างเอิกเกริก จนมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,000 คน แต่ก่อนจะมาถึงการประชุมเวทีอาเซียนครั้งนี้ที่ สปป.ลาว นายร็อดริโก ดูแตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ หลุดสบถคำเดิมที่เคยเรียกคู่กรณีอื่นๆ ไปเรียกโอบามาว่า “ลูกโสเภณี” ทำให้โอบามาต้องยกเลิกหมายที่จะพบปะพูดคุยกันไปโดยปริยาย
การยกเลิกนี้น่าจะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้นำฟิลิปปินส์เลยทีเดียว เพราะการอ้างว่า “ฉันเป็นของฉันอย่างนี้” ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่จะทำให้ยืนอยู่บนเวทีโลกได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร
ถ้าดูๆ ไปแล้ว บทเรียนจากนี้อาจใช้กับประเทศอื่นๆ ที่ชอบอ้าง “ฉันเป็นของฉันอย่างนี้” ได้ด้วย