คนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง : อย่าปล่อยโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของคุณเข้าไปในบ้านใคร

ข่าวชาวบ้าน (หรืออาจจะเรียกว่าข่าววงการบันเทิงก็อาจจะได้หากพิจารณาถึงบุคคลที่อยู่ในข่าว) สองเรื่องที่น่าสนใจและสะท้อนถึงอะไรบางอย่างได้ ทั้งๆ ที่ทั้งสองข่าวนี้ไม่ได้เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงถึงกันโดยตรง หรือโดยอ้อมเลย

เรื่องแรก คุณนาตาลี เดวิส ดาราสาว ออกมาโพสต์ คลิปในอินสตาแกรม ซึ่งมาจากกล้องวงจรปิดในบ้านของเธอ พร้อมเล่าเรื่องสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของเพื่อนบ้าน ที่บุกเข้ามาในบ้านเธอและก่อความเดือดร้อนเสียหาย ไล่แมวเธอจนตกใจเสียขวัญรวมถึงรื้อค้นข้าวของ และเธอก็กลัวมันจะกัด หรือทำร้ายลูกวัยทารกของเธอด้วย

แต่เพราะสุนัขในข่าวนั้นเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ซึ่งมีภาพพจน์ว่าเป็นสุนัขที่มีภาพลักษณ์ต่อคนส่วนใหญ่เป็นสุนัข ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอที่น่ารัก ทำให้มีชาวเน็ตส่วนหนึ่งมาให้ความเห็นในทำนองที่ว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย เจ้าหมาโกลเด้นไม่เป็นอันตราย มันไม่กัดเด็กกัดแมว มันแค่เล่นซนตามประสา ฯลฯ หรืออะไรต่างๆ นานา ซึ่งถ้าเป็นคุณนาตาลีมาอ่านคงเพลียหัวใจกันไป

อาจจะต้องยอมรับในข้อเท็จจริงว่า สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ “ส่วนใหญ่” นั้นมีนิสัยตามสายพันธุ์ที่ไม่ก้าวร้าว ค่อนข้างเชื่อง และเป็นมิตร และจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งเคยเลี้ยงหมาโกลเด้นมาสามตัวและได้รู้จักหมาพันธุ์นี้ของคนอื่นมาจำนวนหนึ่ง ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่คุณนาตาลีเอามาโพสต์แล้ว ก็เดาได้จากกริยาว่ามันคงเข้าไปเพื่อวิ่งเล่นซุกซนตามประสา ไม่ได้มีท่าทีคุกคามอะไรจริงๆ อย่างที่ชาวเน็ตหลายคนได้กล่าวไว้

Advertisement

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ หรือหมาอะไรก็ตาม จะเข้าไปวิ่งเล่นในบ้านของใครก็ตามโดยที่เจ้าของบ้านไม่ได้อนุญาตหรือรู้เห็นยินยอม

ทั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ตามจะไปตัดสินว่า เรื่องนี้เจ้าของบ้านคือ คุณนาตาลีจะไม่มีความเสียหาย หรือไม่ควรรู้สึกว่าตัวเองเสียหาย หรือแม้แต่ปลอบใจไปในทำนองนั้นด้วย

ข่าวที่สอง คือเรื่องที่ “ดีเจภูมิ” ภูมิใจ ตั้งสง่า ยูทูบเบอร์ชื่อดังอดีตพิธีกรรายการโทรทัศน์ โพสต์ภาพกองเงินสดและนาฬิกาหรูหลายเรือนล้อมตัวเขา ซึ่งกำลังนั่งกุมขมับ ประกอบการตอบคำถามที่น่าจะมีผู้ติดตามเขาถามว่า เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ ดังที่คนรวยชอบพูดกันจริงหรือ ?

Advertisement

นี่คือคำตอบของเขาที่ขอคัดมาลงโดยไม่ตัดทอน หรือดัดแปลงข้อความใดๆ

“เงินซื้อของที่เราต้องการได้ครับ ซื้อความสะดวกสบายได้ครับ.. สองอย่างนี้คือพื้นฐานความสุขของมนุษย์ทั่วไป… แต่ถ้าคุณอกหักหรือสมาชิกในครอบครัวของคุณเป็นอะไรไป คุณจะรู้เองว่า
ไอ้แลมโบกีนี หรือนาฬิกาอีก 20 เรือนที่บ้านมันช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย… มันไม่มีคุณค่าอะไรในโลกแห่ง ‘ความเป็นจริง’ เลย เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่คุณรักหรือแคร์… แล้วคุณจะยอมแลกมันได้ทันที ถ้าเป็นไปได้เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น… สรุปเงินทองไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่นี่แหละมั้งครับ ที่คนมีตังบางท่านเค้าหมายถึงคำว่า เงินทองซื้อ ‘ความสุขที่แท้จริง’ ไม่ได้…”

เอาจริงคำตอบของคุณดีเจภูมิไม่ได้แย่ หรือผิดอะไร แม้แต่นิดเดียว และมันตอบคำถามที่มีผู้ถามได้ค่อนข้างตรงจุดด้วยซ้ำ เพียงแต่เมื่อข้อความของเขากลายเป็นไวรัล ในสภาวะที่คนส่วนใหญ่ในสังคมล้วนแต่มีปัญหาในเรื่องการเงินกันไม่มากก็น้อยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการทำคอนเทนต์ออกมาโต้ตอบในประเด็นเรื่อง “เงินซื้อความสุขได้หรือไม่” ทั้งจริงจัง และเสียดสีมากมาย เช่น การอ้างงานวิจัยว่าเงินสามารถซื้อความสุขได้จริงๆ ในระดับหนึ่ง หรือคำคมของใครสักคนหนึ่งที่ว่า “เงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่การร้องไห้ในรถปอร์เช่ก็เข้าท่ากว่าการร้องไห้บนรถเมล์” รวมถึงข้อสรุปที่ว่า เงินนั้นซื้อความสุขได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องถกเถียงได้ แต่การไม่มีเงินนั้นเป็นทุกข์อย่างแน่แท้ และการมีเงินสามารถเลือกรูปแบบของการเป็นทุกข์ หรือเลือกรับมือกับความทุกข์ได้ดีกว่า

ซึ่งหากจะว่ากันตามตรง คอนเทนต์ต่างๆ ที่ออกมาตอบโต้ ก็ล้วนเป็นการกล่าวซ้ำในเรื่องที่

ดีเจภูมิได้พูดไว้ในข้อความต้นเรื่องแล้วทั้งสิ้น เพียงแต่อาจจะไม่ได้ชัดเจนหรือใช้ข้อความที่รัดกุมประกอบกับท่าทีและ “ภาพประกอบ” ก็ชวนให้เกิดความหมั่นไส้จนกีดขวางการทำความเข้าใจได้

กรณีนี้จะว่าไปก็อาจจะคล้ายกับที่บล็อกเกอร์ และยูทูบเบอร์สาวสายท่องเที่ยวท่านหนึ่งคือ คุณ
มิ้นท์ ไอโรมอโลน เพิ่งจะโดนทัวร์ลงไปด้วยเรื่องของ “โควิดมีข้อดี…” ซึ่งก็คล้ายๆ กัน คือถ้าเอากันเฉพาะข้อความก็ไม่ได้ผิดอะไรร้ายแรงนัก เว้นแต่เมื่อประกอบกับบริบทการไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศในยามที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดวัคซีนหรือไม่อย่างไร และท่าทีแสดงออกโดยรวมแล้ว กลับกลายเป็นการทำร้าย หรือรบกวนจิตใจของคนส่วนใหญ่ จนเธอต้องออกมากล่าวขอโทษในภายหลัง

เรื่องของคุณดีเจภูมิ คุณมิ้นท์ เชื่อมโยงกับเรื่องโกลเด้นรีทรีฟเวอร์บุกบ้านคุณนาตาลีในตอนต้น คือความขัดแย้งระหว่างความคิดเห็นซึ่งมาจากประสบการณ์ส่วนบุคคล กับการตัดสิน “เรื่องราว” ในบริบทอื่น เป็นการทั่วไปแบบครอบจักรวาล

ผู้รัก หรือชอบ หรือมีประสบการณ์อันดีกับสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์นั้น เผลอเอา “ประสบการณ์” ของตัวเองไปตัดสินกรณีของคุณนาตาลี เป็นการตัดสินจากระยะไกลคือ เห็นภาพจากทางหน้าจอเท่านั้น โดยไม่มีส่วนร่วม เมื่อตัวเองเห็นว่าเจ้าหมาโกลเด้นเป็นมิตร น่ารัก ไม่เป็นอันตราย ก็ตัดสินไปว่าคุณนาตาลีไม่ได้เดือดร้อนเสียหายอะไรจากเรื่องนี้ ก็แค่หมาซนๆ วิ่งเข้าบ้านแค่นั้น

ทั้งที่จริงแล้วก็มีโกลเด้นรีทรีฟเวอร์บางตัวที่มีนิสัยก้าวร้าว อาจจะเพราะการเลี้ยงดู หรือความผิดปกติบางอย่าง หรืออาจจะนิสัยเฉพาะตัวของมัน หรือแม้กระทั่งกรณีที่ไม่ได้เป็นหมาดุร้ายอะไร แต่เป็นหมาที่เล่นไม่เป็นและไม่รู้วิธีเล่นกับคน ซึ่งกรณีหลังนี้เจ้าหมาที่ดูเป็นมิตรและชวนเล่นก็ทำให้คนที่ไปเข้าใกล้มันเจ็บตัวถึงเลือดตกยางออกได้ แม้มันจะไม่มีเจตนาก้าวร้าวเลยก็ตาม ด้วยแรงของสุนัขขนาดกลางที่เขี้ยวเต็มปาก หากกัดงับใครเข้าด้วยเจตนาเพียงหยอกก็ทำให้ฟกช้ำจนเลือดตกยางออกได้

หรืออย่างน้อยต่อให้ไม่กัดไม่งับใคร การวิ่งเข้าไปเล่นซุกซนในบ้านคนอื่นก็ก่อความเสียหายได้ทั้งหนักเบาอยู่แล้ว ทั้งการรื้อค้นข้าวของ ขุดดิน ทำลายต้นไม้ หรือถ้าบ้านไหนมีสระน้ำ ก็เป็นไปได้ว่าเจ้าหมาโกลเด้นอาจจะกระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจ

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ หรือหมาพันธุ์ไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้มันเข้าไปในบ้านใคร และไม่มีทางที่สุนัขแปลกปลอมสักตัวหนึ่งจะเข้าไปในบ้านและไม่ก่อความเสียหายใดๆ เลย

เช่นเดียวกันกับดรามาเรื่อง “เงินซื้อความสุขได้หรือไม่” หรือ “โควิดมีข้อดีหรือเปล่า” ก็เป็นกรณีปัญหาเกี่ยวกับ “ประสบการณ์” เฉพาะกรณีไปขัดแย้งกับกรณีทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่

กรณีเรื่องเงินซื้อความสุขไม่ได้นั้นเป็นเรื่องจริงแท้ และถูกอย่างยิ่งสำหรับตอบคำถามให้สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาในเรื่องการเงินระดับหนึ่ง และมันเป็นคำสอนที่เตือนใจได้เป็นอย่างดีสำหรับคนที่อาจจะกำลังหลงทางผู้มีเงินในระดับที่สามารถขจัดความทุกข์พื้นฐานได้หมดแล้วแต่ยังหาความสุขไม่ได้ แต่ก็ยังคิดว่า หรือเพราะเรายังหาเงินได้ไม่มากพอ แล้วก็พยายามไขว้คว้าหาเงินหรือวัตถุมาอีกมากขึ้นๆ ในกรณีอันเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ คำแนะนำจากคนที่มีเงินมากๆ ถึงขนาดมีรถซุปเปอร์คาร์เป็นอู่นาฬิกาหรูเป็นโชว์รูม ก็อาจจะเป็นคำสอนที่เรียกสติได้ดีว่า ถ้าคุณสงสัยว่าต้องมีเงินอีกสักเท่าไรละก็ ต่อให้มีเงินระดับนี้ก็ไม่รับประกันความสุขจริงแท้

เพียงแต่มันอาจจะผิดฝาผิดตัวไปหน่อย หากใครจะเอาไปใช้กับกรณีของคนส่วนใหญ่ในประเทศขณะนี้ที่ยังมีปัญหาการเงิน ยังมีปัจจัยสี่ไม่ครบหรือไม่มีทางเลือก หรือยังไม่มีความมั่นคงทางการเงิน ต้องอกสั่นขวัญแขวนว่าเดือนหน้าจะมีงานทำหรือไม่ สัปดาห์ต่อไปกิจการจะเปิดได้หรือเปล่า

คำแนะนำว่า “เงินซื้อความสุขที่แท้จริงไม่ได้” แม้ไม่ได้กล่าวด้วยเจตนาร้ายอันใดเลย ก็อาจจะเป็นเหมือนโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าไปวิ่งพล่านในบ้านคนแปลกหน้าและรื้อค้นก่อความเสียหาย หรือสร้างความหวาดกลัว โดยที่ตัวมันก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อย

แต่กล่าวกันตามตรง เรื่องนี้ถ้าจะพูดกันอย่างยุติธรรมแล้ว ความผิดก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้พูดแม้แต่น้อยเลย เพราะนอกจากข้อความที่เขาสื่อออกมานั้นจะไม่มีอะไรผิดแล้ว เขาก็แค่ตอบคำถามที่มีผู้ถามเข้ามาด้วยทรรศนะของเขา และเลือกตอบต่อ “กลุ่มผู้ฟัง” ของเขาเองที่รู้แนวรู้ทางกันอยู่แล้ว กลุ่มคนที่ชอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเขาอยู่แล้ว

บางทีอาจจะเป็นสื่อกระแสหลักต่างหากที่ต้องทบทวนว่า การไปเอาข้อความที่มีบริบทเฉพาะออกมาขยายเป็นข่าวทั่วไปให้สาธารณะเข้าถึง มันเหมือนกับการไปเปิดประตูปล่อยหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่วิ่งเล่นอยู่ในบ้านของเจ้าของเขาอยู่ดีๆ ให้ออกไปวิ่งเพ่นพ่านในซอย หรือวิ่งเข้าไปในบ้านคนอื่นให้เขาเดือดร้อนกระทบใจก่นด่าหรือไม่

แต่กระนั้นเรื่องนี้ก็พอจะเป็นบทเรียนอยู่เหมือนกันว่า หากใครสักคนแสดงความเห็นอะไรที่เป็นการเฉพาะตัว หรือเฉพาะกรณีมากๆ ด้วยช่องทางที่อาจกลายเป็นสาธารณะได้แล้ว มันก็มีความเป็นไปได้เสมอที่มันจะกลายเป็นเรื่องสาธารณะ และเมื่อนั้นความเห็น หรือคำแนะนำเฉพาะกรณีของคุณจะถูกตีความให้เป็นกรณีทั่วไปอย่างไร้บริบทและข้อจำกัด ซึ่งสุดท้ายมักจะจบด้วยการที่คุณ ซึ่งเป็นเจ้าของความคิดเห็นนั้นจะต้องรับบรรดาทัวร์ชาวเน็ตเพียงลำพัง

กล้า สมุทวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image