| ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
|---|
คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นประธานาธิบดีของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาหลีใต้ ที่สำคัญข้อหนึ่งคือ ต้องเป็นบุคคลที่มีอายุ 40 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ พรรคพลังประชาชนอันเป็นพรรคอนุรักษนิยมฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้ได้จัดการประชุมเพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และได้เลือก นายอี จุน-ซ็อก บัณฑิตหนุ่มวัย 36 ปีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นหัวหน้าพรรคอย่างท่วมท้น โดยนายอี จุน-ซ็อก เป็นผู้ที่ได้รับการชักชวนจาก นางปัก กึน-ฮเย อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ให้เข้าร่วมพรรคเสรีภาพเกาหลี ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยม เมื่อ พ.ศ.2554 ซึ่งต่อมาพรรคเสรีภาพเกาหลีนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคพลังประชาชน ถึงแม้ว่านายอี จุน-ซ็อกยังไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองแบบเป็นทางการ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือรัฐมนตรีมาก่อนเลยก็ตาม เพราะนายอี จุน-ซ็อกเคยลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎรถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ในช่วงหลายปีผ่านไป นายอี จุน-ซ็อก ได้สะสมชื่อเสียงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการเรียกร้องครั้งสำคัญหลายครั้งให้มีการปฏิรูปการเมืองอันเป็นที่นิยมของชาวเกาหลีรุ่นใหม่ที่พากันมองไม่เห็นอนาคตของตนเอง เนื่องจากรัฐบาลร่วมมือกับธุรกิจขนาดใหญ่สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมเกาหลีมาก ทำให้โอกาสที่คนรุ่นใหม่จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ยากเนื่องจากที่อยู่อาศัยราคาสูงลิบลิ่วและค่าครองชีพสูงมาก ทำให้ชาวเกาหลีรุ่นใหม่หมดโอกาสที่จะมีบ้านเป็นของตนเอง จึงทำให้นายอี จุน-ซ็อก สามารถเอาชนะคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งมากประสบการณ์และอาวุโสกว่ามากมายถึง 4 คน ในการเลือกหัวหน้าพรรค ทั้งๆ ที่มีอายุน้อยที่สุดเพียง 36 ปีเท่านั้น
นายอี จุน-ซ็อก กลายเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองหลักของเกาหลีใต้ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ตั้งแต่เกาหลีใต้เริ่มมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยเขาได้รับเลือกผ่านการลงคะแนนจากตัวแทนพรรค และสมาชิกพรรคพลังประชาชนอย่างท่วมท้น
นายอี จุน-ซ็อก ได้กล่าวสุนทรพจน์ในวาระที่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เมื่อ
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายนนี้ว่า งานใหญ่ที่สุดของเราคือ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี พร้อมกับให้สัญญาว่า เขาจะยุติการเมืองที่รุนแรง และแบ่งขั้วที่ชาวเกาหลีใต้เคยชินมานานหลายสิบปี โดยประกาศว่า
“คำมั่นสัญญาของเราคือ ให้โอกาสที่เป็นธรรมแก่ใครก็ตามที่จะนำเราไปสู่ชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี”
พรรคพลังประชาชนยังไม่ได้เลือกตัวแทนพรรคที่จะลงชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคมปีหน้านี้เนื่องจากนายอี จุน-ซ็อก ผู้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้นยังลงสมัครเป็นประธานาธิบดีไม่ได้ เพราะว่ารัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐเกาหลีระบุว่า ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีต้องมีอายุอย่างต่ำ 40 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่อย่างไรก็ดี นายอี จุน-ซ็อก ยืนยันว่า เขาจะควบคุมดูแลการ
คัดเลือกตัวแทนของพรรคพลังประชาชนเพื่อลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในปีหน้าอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
สำหรับฝ่ายพรรครวมประชาธิปไตยของประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน (ไม่มีสิทธิที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เนื่องจากรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้กำหนดให้ประธานาธิบดีนั้นดำรงตำแหน่งครั้งละ 1 สมัยหรือ 5 ปีเท่านั้น) นั้นมีผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเพื่อชิงชัยในการเลือกตั้งในนามพรรครวมประชาธิปไตยล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งอย่างโชกโชนมาแล้วถึง 3 คนด้วยกัน ได้แก่ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน และผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกีที่เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของเกาหลีใต้ 1 คน
นายอี จุน-ซ็อก จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด เคยเป็นที่ปรึกษาของพรรคพลังประชาชนมาตั้งแต่ปี 2554 หลังจากที่เขาก่อตั้งแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนเกี่ยวกับการศึกษา เขาไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน ชัยชนะอย่างน่าประหลาดใจของเขาสอดคล้องกับยุคสมัยที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนหนุ่มสาวนิยมสายกลางกลายเป็นกลุ่มสำคัญท่ามกลางความรังเกียจที่ชาวเกาหลีใต้มีต่อพวกผู้นำทางการเมืองที่หน้าซื่อใจคดจะเห็นได้จากการที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งดำรงตำแหน่งได้เพียงสมัยเดียว 5 ปีแล้วมีอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึง 5 คนถูกจับกุมฟ้องร้องด้วยคดีอาญา ต้องติดคุก หรือฆ่าตัวตายจากจำนวนประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา รวม 7 คน และปัจจุบันนี้มีอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 4 คน แต่กลับต้องอยู่ในคุกยาว 15-24 ปี ถึง 2 คน แบบว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ดังนั้นการที่นายอี จุน-ซ็อกได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอย่างท่วมท้นจึงเป็นไปตามยุคสมัยที่คนเกาหลีรุ่นใหม่โหยหาคนหนุ่มที่สมสมัยมากกว่าบรรดานักการเมืองอายุมากประเภทเขี้ยวลากดิน เล่นพรรคเล่นพวก และคอร์รัปชั่นเป็นปกตินิสัยนั่นเอง
โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
