“แตก” ไม่เหมือนกัน โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

กลับจากประชุมจี20 ที่จีน ประชุมสุดยอดอาเซียนที่ลาว

และจะปิดจ๊อบเดินสายต่างประเทศ ด้วยการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่18-24 กันยายนนี้

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มั่นใจในสถานะของตนเองและรัฐบาลในเวทีโลกมากยิ่งขึ้น

“การยอมรับ” มีสูงขึ้น

Advertisement

แน่นอน ส่วนสำคัญหนึ่งมาจากผลประชามติรัฐธรรมนูญ และคำมั่นที่จะให้มีการเลือกตั้งในปี 2560

และหาก พล.อ.ประยุทธ์สามารถขจัดจุดอ่อนที่สุดของตัวเองที่มีลดลงไปอีก นั่นคือการมาจากรัฐประหารลงได้

ทุกอย่างก็ฉลุย

Advertisement

เพราะอย่างที่เคยบอก นานาชาตินั้นจะไม่ค่อยลงรายละเอียด แต่จะยึดอยู่ที่กระแสใหญ่ๆ เป็นหลักมากกว่า

เช่น ต้องมีเลือกตั้ง ต้องไม่มีละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

ส่วนรายละเอียดรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร มักจะปล่อยให้เป็นเรื่อง “ภายใน”

เมื่อเป็นเรื่องภายใน ก็เลยเป็นที่สนุกสนานของคุณห้อยคุณโหนทั้งหลายที่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสนองนาย

โดยการโยนหินถามทางกันอุตลุด

ดูทะเล่อทะล่าไปบ้าง แต่อย่าไปประมาท

เพราะคุณห้อยคุณโหนเหล่านี้โยนหินถามประเด็นแบบ “สุด-สุด” ไปก่อน ถูกด่าถูกวิจารณ์อย่างไรไม่ว่า

แต่ที่สุดก็จะมีฝ่ายตะล่อม เอาแบบกลางๆ แต่บรรลุเป้าหมายที่อยากได้ไปแล้ว

เรื่องแบบนี้ ใครไม่เข้าใจ ลองไปถาม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายวิษณุ เครืองาม ดูก็ได้

กล่าวโดยสรุป การกรุยทางเพื่อกลับเข้าสู่อำนาจรอบสอง “อย่างสง่างาม” เป็นไปอย่างราบรื่น

ขณะที่ฝ่ายที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะนักการเมืองและพรรคการเมือง ย่อมต้องเจออุปสรรคกีดขวางในระดับสาหัสสากรรจ์อย่างไม่มีทางเลี่ยง

แถมยังต้องเจอเช็กบิลจาก “วิบากกรรมเก่า” ถูกจำคุก ถูกถอดถอนกันระนาว อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ตอนนี้

กว่าจะมีการเลือกตั้ง คงโดน “เด็ดหัว” ไปหลายสิบ

ส่วนกลุ่มพลังมวลชนก็น่าสนใจไม่น้อย

โดยเฉพาะแกนนำ นปช.อย่างน้อย 5 คน เรื่องการถอนประกันตัวก็ไปอยู่ในวาระของศาลแล้ว จะหื้อ จะอือ อย่างไร ต้องระวังตัวแจ

เพราะมีสิทธิติดคุกง่ายๆ

ขณะที่กลุ่มการเมืองอื่น ดูจะเป็นเรื่องเฮง-เฮงของรัฐบาล ที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ต้องไปชดใช้กรรมเก่าในคุก 20 ปี

ซึ่งคงส่งผลต่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) อย่างสูง

เพราะเมื่อขาดขุนทัพสำคัญไป พลังในการเคลื่อนไหวก็ย่อมลดน้อยถอยลง

ซึ่งนั่นคงทำให้ทหารและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สบายใจไม่น้อย

แม้ว่า พธม.จะไม่ประกาศเป็นฝ่ายตรงข้ามทหารและ คสช.ก็ตาม

แต่ที่ผ่านมา นายสนธิและ พธม.ก็ไม่ได้ยินยอมเป็นพวกแบบไปไหนไปกัน

ในบางครั้งบางทีก็ยังออกมาโจมตีแกนนำ คสช.บางคนอย่างรุนแรงด้วย

ดังนั้น การที่นายสนธิเจอโทษจำคุก 20 ปีจากกรณีเงินกู้กรุงไทย ทหารและ คสช.คงสบายใจมากกว่าที่จะให้นายสนธิและ พธม.เป็นหอกข้างแคร่อย่างที่ผ่านมา

ซึ่งตรงนี้ต่างจาก กปปส.ที่มีท่าทีเอาไหนเอาด้วยกับ คสช.

อย่างแกนนำบางคนเช่น นายวิทยา แก้วภราดัย ที่มาช่วยโยนหินถามสังคมว่าควรจะให้ คสช.ดูแลสถานการณ์ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หรือไม่ และควรให้กระทรวงมหาดไทยดูแลการเลือกตั้งแทน กกต.หรือไม่

อวยไม่ต่างจากคุณโหนคุณห้อยสักเท่าไหร่

กปปส.จึงแตกต่างจาก พธม.ตรงนี้

โดยสรุปตอนนี้ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล อยู่ในภาวะ “แตก”

แต่แตกแบบ “ปรอทแตก” คือพุ่งกระฉูด

ต่างกับฝ่ายคู่ขัดแย้งที่แตกเหมือนกัน

แต่แตกแบบกระจาย เพราะถูกบดขยี้อย่างต่อเนื่อง

เป็นเช่นนี้แล้ว ใครจะอดใจไม่ฝันหวานถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image