ลึกแต่ไม่ลับ โดยจรัญ พงษ์จีน : ร่างรธน.ฉบับ”โหดห้ามอุทธรณ์”

แฟ้มภาพ

 

“นายมีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงสรุปเนื้อหาและสาระสำคัญของ “ร่างแรก” ต่อสื่อมวลชนไปเป็นที่เรียบร้อยลงเอยตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ทุกประการ

จากนี้ เตรียมส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พรรคการเมือง และประชาชนไปศึกษารายละเอียด เพื่อส่งความคิดเห็น ข้อเสนอแนะกลับมาเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป ผ่านหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ ไปรษณีย์ อี-เมล และทางโซเซียลมีเดีย

“จุดเด่น” ของร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับมีชัย” ไฮไลต์ได้แก่ “ปฏิรูป-ปราบคนโกง”

Advertisement

คือ การวางกลไกป้องกันและตรวจสอบ ขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐและเอกชน การป้องกันและตรวจสอบมิให้ผู้เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเด็ดขาด

การที่การยกร่างเนื้อหาออกมาแบบ “โหดห้ามอุทธรณ์” เนื่องจาก “21 อรหันต์ทองคำ” ชุดใหม่ได้ยึดกรอบการยกร่างตาม “รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557” เป็นแม่แบบ

อันว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ที่ กรธ. ยึดมาเป็น “กรอบ” ที่ “หิน” สุด-สุด ได้แก่ มาตรา 35 ที่กำหนดหลักการตายตัวไว้เป็น “บัญญัติ 10 ประการ”

Advertisement

ตำราเล่มเดิมและเล่มเดียวกับที่กรรมาธิการยกร่างชุด “36 อรหันต์ทองคำ” ยุค “บวรศักดิ์” นำไปเป็น “กรอบ” ในการยกร่าง และพังพาบมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“บัญญัติ 10 ประการ” ดังกล่าวประกอบด้วย

1. การรับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกมิได้

2. การให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่เหมาะสมกับสภาพสังคมของไทย

3. “กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและเอกชน”

4. “กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจสอบมิให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่าการกระทำทุจริตและประพฤติมิชอบเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองเด็ดขาด”

5. กลไกที่มีประสิทธิภาพที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมืองสามารถปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินกิจการได้โดยอิสระ ปราศจากการครอบงำ หรือชี้นำโดยคณะหรือคณะบุคคลใด

6. กลไกการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วนทุกระดับ

7. กลไกที่มีประสิทธิภาพในการปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน

8. “กลไกที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของรัฐให้เป็นไปอย่างคุ้มค่าและตอบสนองต่อประโยชน์ส่วนรวม ให้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ”

9. กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมิให้มีการทำลายหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ

10. “กลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลักดันให้มีการปฏิรูปเรื่องสำคัญต่างๆ ให้สมบูรณ์”

“บัญญัติ 10 ประการ” แห่งมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ใน (3)-(4)-(8) และ (10) ซึ่งถือว่าเป็นกระดูกติดมันสำหรับนักเลือกตั้งทั้งสมัครเล่นและอาชีพ ซึ่ง “กรธ.” เขียนแบบสับขาหลอก และกระจัดกระจาย “พรางตัว” อยู่ตามบทบัญญัติต่างๆ ในหลายหมวดหมู่ ทาง “มีชัย ฤชุพันธุ์” ระบุว่า เป็นห้องเครื่องสำคัญที่ทำให้ “คนการเมือง” เคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก เพราะรับไม่ได้

ทั้งนี้ ที่ “กรธ.” เน้นเรื่องการปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง ก็เพื่อจะทำให้การเมืองไม่ใช่เป็นที่ฟอกตัวของคนที่เคยทำผิด จึงใช้หลักการเดียวกันกับคุณสมบัติ เพราะหากศาลตัดสินว่ามีความผิดไม่ว่าจะได้รับนิรโทษกรรมหรือไม่ คนเหล่านี้จะไม่มีสิทธิกลับมาเป็น ส.ส. ได้อีก

“เจ้ามือการพนัน ค้ายาเสพติด ฟอกเงิน ฉ้อโกง ใครทำผิดข้อหาเหล่านี้ จะกลับเข้ามาสู่การเมืองไม่ได้ และถ้าตราบใดที่ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกยกร่างอีกกี่ครั้ง สิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่และหนักไปอีกด้วยซ้ำ” นายมีชัย เน้นย้ำ จุดเข้มแข็งของ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559”

(3)-(4)-(8) แม้จะออกโหด อำมหิต สำหรับนักการเมือง แต่ถูกใจซาดิสต์ และ “เหล่าคนดี” ได้พอประมาณ จึงมีทั้ง “ฝ่ายเชียร์” และ “แช่ง” อยู่ในตัวพร้อมสรรพ

เหลืออีก 1 ประการ ที่ยังไม่รู้ว่า “กรธ.” จะนำไปฝั่งชิพไว้ใน “บทเฉพาะกาล” ส่วนไหน กับ (10)

ว่าด้วย “กลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลักดันให้มีการปฏิรูปเรื่องสำคัญต่างๆ ให้สมบูรณ์”

ซึ่ง “กมธ.” ชุด “เรือแป๊ะ” เคยออร์แกไนซ์ออกมาเป็น “คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ” หรือ “คปป.”

กับภารกิจ เพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ต่อเนื่อง จนบรรลุผล รวมทั้งเพื่อป้องกันระงับความขัดแย้งระหว่างคนในชาติและสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น

ซึ่งในลำดับต่อมา เมื่อมีการนำ “อำนาจหน้าที่ คปป.” ออกมาขยายผล ปรากฏว่ามีอิทธิฤทธิ์เหนือปฐพี ขี่คอ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร

เป็นต้นว่า สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ-ขับเคลื่อนการปฏิรูป ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใดได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติหรือในทางบริหาร

และที่ดูตลกสุด คือให้ถือว่าคำสั่ง การกระทำ และการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่ง การกระทำหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายและเป็นที่สุด

หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ “โปลิตบูโร” ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังไงยังงั้น

“คปป.” ของ กมธ.ชุดเก่า จึงถูกรุมกินโต๊ะหนัก และกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ “เรือแป๊ะ” ถูกคว่ำ

อย่างไรก็ตาม (10) แห่งบัญญัติ 10 ประการ เชื่อว่า “กูรู” ระดับ “มีชัย ฤชุพันธุ์” น่าจะผ่าทางตันได้สำเร็จ

โรดแม็ปว่าด้วยประชามติ คงจะผ่านฉลุย เพื่อก้าวสืบไปสู่โหมดเลือกตั้งในลำดับถัดไป

ลงเอยตามกรอบเวลาที่วางไว้ คือไม่เกินปลายปี พ.ศ.2560

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image