ล้วนแล้วแต่น่าเห็นใจ โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

พล.อ.ประยุทธ์
แฟ้มภาพ

 

เมื่อฟังคำแถลงของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่เหมือนจะบอกว่าสาเหตุที่ “นายกรัฐมนตรี-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แสดงความหงุดหงิดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น

“นายกฯคงมีแรงกดดันมากพอสมควรกับความคาดหวังของประชาชนว่าจะเป็นหัวหอกนำพาประเทศไปในทิศทางส่วนใหญ่ที่สังคมต้องการ แต่ผมคิดเอาเองว่านายกฯอาจรู้สึกว่าเมื่อท่านเหลียวไปข้างหลัง ท่านเดินอยู่คนเดียวหรือเปล่า”

ฟังแล้วคิดถึงคำสั่งตามมาตรา 44 ว่าด้วย “มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ” ซึ่งออกมาก่อนหน้านั้น ที่ “โฆษกไก่อู” ให้สัมภาษณ์ว่า “มีวิทยุบางที่เสนอว่าเป็นคำสั่งที่ออกมารังแกข้าราชการ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบอกว่าข้าราชการเกียร์ว่าง รัฐบาลไม่ทำอะไร แต่พอออกคำสั่งมาก็วิจารณ์ ทำให้คนออกคำสั่งน้อยใจ”

Advertisement

ด้วยความรู้สึกเห็นใจทุกฝ่าย

ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบต่อความเป็นไปของประเทศ เมื่อออกคำสั่ง ประกาศนโยบายอะไรไปแล้ว ย่อมต้องการให้กลไกราชการนำไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว

เมื่อข้าราชการไม่ยอมปฏิบัติ หรือที่เรียกว่า “เกียร์ว่าง” ย่อมต้องออกคำสั่งมาสำทับให้เร่งปฏิบัติ หากจะเกิดความน้อยใจว่า “ไม่ได้รับความร่วมมือ” ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ว่าใครที่เป็นปุถุชน ไม่ใช่ผู้วิเศษวิโสมาจากไหนย่อมรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยวได้

Advertisement

อย่างไรก็ตามเมื่อมองกลับไปที่ “ข้าราชการ” จะเห็นว่ามีมุมที่น่าเห็นใจมากมายไม่น้อยเลย

เริ่มจากรัฐบาลที่มาจากการควบคุมอำนาจนี้ เริ่มต้นด้วยการประกาศชัดว่าจะ “กวาดล้างการโกงกิน”

ทำให้ “การปราบปรามการทุจริต” เป็นภารกิจที่จะต้องเอาเป็นเอาตาย ปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้

กระทั่งการ “ร่างรัฐธรรมนูญ” ยังขึ้นสโลแกนเป็น “รัฐธรรมนูญปราบโกง”

การประกาศ “ปราบโกง” ย่อมเรียกความเชื่อถือศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจประชาชนทั่วไปที่ไม่มีโอกาสในการโกง เพราะเห็นว่าการโกงเป็นความเลวร้ายทำลายชาติ

อย่างไรก็ตามที่บอกว่า “น่าเห็นใจข้าราชการ” เนื่องจาก “ระบบราชการไทยอิงแอบกับกลไกสอดแทรกด้วยการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างฝังรากลึกมายาวนาน”

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความพยายามจัดการแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามการทุจริตที่ควบคู่มายาวนานเช่นกัน

มาตรการในการป้องกันและปราบปรามนี้ก่อให้เกิดการคิดสร้างกฎระเบียบขึ้นมามากมาย

ที่สุดแล้วระบบราชการจึงเป็นกลไกที่ร่วมด้วยระเบียบป้องกันการทุจริต มีกติกาที่จะต้องตรวจสอบงานในทุกขั้นตอนอย่างละเอียดยิบ

ที่สำคัญคือยิ่งนานวันเข้า “การทำผิดระเบียบการตรวจสอบกลายเป็นเรื่องเดียวกับการทุจริต” เมื่อ “ทำผิดระเบียบจะถูกตัดสินว่ามีเจตนาโกง”

แค่ในยุคสมัยปกติ การฝ่าด่านระเบียบที่ยุ่งเหยิงต้องเรียนรู้ไม่จบสิ้นแล้ว แต่เพราะเข้าใจในความยุ่งยากทำให้ยอมรับในเรื่องหรี่ตาให้

ฝ่าด่านไปง่ายๆ บ้าง เพื่อผลการปฏิบัติราชการจะไม่เป็นแบบ “กว่าถั่งจะสุกงาก็ไหม้” ไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องสำคัญที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน

ข้าราชการได้รับไฟเขียวเช่นนี้ก็กล้าที่จะทำงาน

แต่ในยุคที่การปราบโกงกลายเป็น “วาระที่เอาเป็นเอาตาย” พลาดเมื่อไรชีวิตข้าราชการเป็นอันหมดสิ้นอนาคต ไม่ว่าจะสะสมคุณงามความดีมานมนานแค่ไหน พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่รอด จากหลายคำสั่งที่ออกมาก่อนหน้านี้

สิ่งที่ข้าราชการจำต้องทำในยุคสมัยแบบนี้คือ ทำทุกอย่างตามระเบียบอย่างละเอียด รอบคอบให้มากที่สุด เพื่อดูแลชะตากรรมของตัวเอง

ซึ่งอย่างที่ว่าไว้แต่แรก ระบบราชการที่นุงนังด้วยมาตรการป้องกันที่ออกมาจนแทบศึกษาไม่หมดว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ทำให้พร้อมจะพลาดได้ทุกครั้งหากมีการตรวจสอบที่เข้มข้น หรือถูกใครสักคนจงใจชี้จุดให้ตรวจสอบสิ่งที่ทำไปแล้ว

ไม่ได้คิดทุจริต คดโกง แต่หลุดจากกรอบกติกาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีโทษให้ถูกตราหน้าและลงอาญาไม่ต่างกัน

ด้วยความเป็นจริงเช่นนี้

แม้จะเข้าใจถึงความอยากจะให้เกิดผลงานตามนโยบายของรัฐบาลสักแค่ไหน แต่จะให้เอาตำแหน่งและชีวิตข้าราชการมาเสี่ยงกับ “ความเอาเป็นเอาตาย” ใครก็หาทางรอดด้วยการยื้อ “ชะตากรรม” ของตัวเองไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้มากกว่า

ผลก็คือ “คนคิดนโยบาย” กับ “คนสั่งให้ทำ” เป็นผู้ที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เนื่องจากสั่งไปแล้วเหมือนไม่มีใครทำให้

ยิ่งมีคนมาใส่ความว่า “ข้าราชการไม่อยากทำให้” ก็ยิ่งโกรธ เพราะเหมือนกับไม่ยอมรับอำนาจ หันมาออกคำสั่งเล่นงานข้าราชการหนักเข้าไปอีก เพราะคิดว่าไม่ให้ความร่วมมือ

ปัญหาเลยกลายเป็น “งูกินหาง” ยิ่งกลัวความคิดก็ยิ่งไม่กล้าทำ ยิ่งไม่ทำก็ยิ่งโกรธ ยิ่งใช้อำนาจสั่งให้ทำ

ความอึดอัดของการทำงานร่วมกันจึงเกิดขึ้น

เรื่องนี้บางทีอาจต้องแก้ที่ตัวปัญหา คือกฎระเบียบที่จับผิดคนทำงานเกินเหตุ จะต้องรื้อต้องสะสางทิ้งเสียบ้าง

ระหว่างการตรวจสอบกับความไว้วางใจให้ทำงานอย่างเต็มที่

ด้วยความเข้าใจในความเป็นจริงของงาน ทั้งในส่วนที่หนุนเสริมและที่เป็นอุปสรรค

เป็นศิลปะของนักบริหารที่มีความสามารถ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image