ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
กล่อมเกลาและครอบงำสืบมานานแล้ว ว่าความป็นไทย และประเพณีไทย หญิงไทยต้องรักนวลสงวนตัว รักษาพรหมจรรย์ จะมีเพศสัมพันธ์ก็เมื่อเข้าพิธีแต่งงานแล้วเท่านั้น
ถ้าหญิงใดอยู่ก่อนแต่ง, ท้องก่อนแต่ง, มีลูกก่อนแต่ง จะถูกนินทาว่าร้ายต่างๆ นานา
แต่พยานหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีและมานุษยวิทยา ไม่เคยพบอย่างที่ครอบงำกันมา แต่กลับพบตรงข้าม
หญิงเป็นนาย ชายเป็นบ่าว
อยู่ก่อนแต่ง เป็นประเพณีดั้งเดิมของอุษาคเนย์รวมทั้งไทย มีเหตุจาก “หญิงเป็นนาย ชายเป็นบ่าว”
[หมายถึงหญิงมีอำนาจสูงกว่าชาย (ชายมีอำนาจบ้าง แต่ต่ำกว่าหญิง) เป็นคำคล้องจองของตระกูลไท-กะได (หรือไทย-ลาว) มีมาแต่ยุคดั้งเดิมดึกดำบรรพ์]
เมื่อชายเป็นบ่าวรับใช้บ้านหญิง เพื่อหวังจะแต่งงานเป็นผัวเมียต่อไปข้างหน้า ต้องยอมเป็นบ่าวไปจนกว่าเครือญาติฝ่ายหญิงจะยอมรับ ซึ่งใช้เวลานานเป็นปีๆ หรือหลายปีก็ได้ เช่น 5 ปี 10 ปีก็มี
ระหว่างนี้สังคมยุคนั้นยอมให้ “อยู่ก่อนแต่ง” แล้วมีลูกก็ได้
กฎหมายลักษณะผัวเมีย ยุคต้นอยุธยา มากกว่า 500 ปีมาแล้ว ยอมรับ “อยู่ก่อนแต่ง” อย่างเป็นทางการ
ถ้าชายขี้เกียจทำงาน ฝ่ายหญิงก็ไล่เฉดหัวออกจากบ้าน แล้วเลือกชายคนใหม่เป็นบ่าวต่อไป แล้ว “อยู่ก่อนแต่ง” กับคนใหม่โดยไม่ถือเป็นผิดทำนองคลองธรรมอันใด
บันทึกของลาลูแบร์ (ราชทูตจากฝรั่งเศส) ระบุว่า ยุคอยุธยาการอยู่กินกันอย่างเสรีโดยไม่ได้แต่งงานถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องอับอาย เมื่อได้อยู่กินกันก็เสมือนว่าได้แต่งงานกันแล้ว โดยฝ่ายชายจัดพิธีขอขมาต่อพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเท่านั้น
อยู่ก่อนแต่ง ในตำนานนางนาค-พระทอง
นางนาค เป็นสัญลักษณ์คนพื้นเมืองสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์ ที่ยกย่องผู้หญิงเป็นหมอมด หมอผี หัวหน้าเผ่า
พระทอง เป็นสัญลักษณ์ของชายพ่อค้าต่างชาติมาทางทะเลสมุทร ผู้นำวัฒนธรรมจากภายนอกสู่คนพื้นเมือง
นางนาคกับพระทอง เป็นตำนานบอกความเป็นมาของบรรพชนคนดั้งเดิมดึกดำบรรพ์สุวรรณภูมิ ก่อน พ.ศ. 1000 กล่าวถึงนางนาคกับพระทองเมื่อเป็นวัยรุ่นมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงาน
พบร่องรอยเป็นพยานอยู่ในคำร้องบทมโหรี ยุคอยุธยา พรรณนาว่าหลังมีเซ็กซ์กันแล้วพระทองจะลากลับ นางนาครำพึงรำพันว่าเมื่อไรจะได้นอนมีเซ็กซ์ด้วยกันอีก ขอผ้าห่มไว้ดูต่างหน้า ดังนี้
ร้องนางนาค
๏ เจ้าเอยนางนาค เจ้าคิดแต่เท่านั้นแล้ว
เจ้าปักปิ่นแก้ว แล้วเจ้ามาแซมดอกไม้ไหว
จำปาสองหูห้อย สร้อยสังวาลแลมาลัย
ชมพูผ้าสไบ เจ้าห้อยสองบ่าสง่างาม
ร้องพระทอง
๏ พระทองเทพรังสรรค์ หล่อด้วยสุวรรณกำภู
เจ้างามบริบูรณ์ไม่มีคู่ โฉมตรูข้าร้อยชั่งเอย
๏ พระทองข้ารูปหล่อเหลา หนักเล่าก็ได้ร้อยชั่ง
รัศมีนั้นงามอยู่เปล่งปลั่ง ทั้งเมืองไม่มีเหมือนเอย
ร้องคู่พระทอง
๏ พระทองเจ้าจะไป น้องจะได้ใครมานอนเพื่อน
อันใจเจ้าดีไม่มีเหมือน เจ้าเพื่ิอนที่นอนของน้องเอย
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ ค่อยอยู่จงดีกว่าจะมา
จะไปก็ไม่ช้า จะพลันมาเป็นเพื่อนนอนเอย
๏ พระทองเจ้าจะไป จะให้อะไรไว้น้องชม
ขอแต่ผ้าลายที่ชายห่ม จะชมต่างหน้าพระทองเอย
[คำร้อง เป็นบทมโหรีของเก่าที่ทำสืบมาแต่ยุคอยุธยา สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สภานายกหอสมุดสำหรับพระนคร โปรดให้รวบรวมเมื่อ พ.ศ. 2460 คัดจากหนังสือประชุมบทมโหรี รวบรวมพิมพ์ครั้งแรก จำหน่ายในงานฤดูหนาว สวนจิตรลดา พ.ศ. 2463 (ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ ถ่ายแบบพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2542)]