ที่มา | คอลัมน์ สยามประเทศไทย |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
อำนาจนิยมในสังคมไทยมีทุกหนทุกแห่ง แสดงออกด้วยอาการต่างๆ กัน พยานสำคัญคืออาการโหยหาชื่นชอบ ม.44
คำสอนที่ว่า “สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง” ก็เพื่อเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ ปกป้องคุ้มครองตนด้วยอำนาจของพระยา
การศึกษาไทยเน้นอำนาจนิยมมาแต่ดั้งเดิม ดูจากคำสอนเก่าที่ว่าเรียนไป “เป็นเจ้าคนนายคน” และ “ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ” ซึ่งมุ่งเข้าสู่อำนาจโดยตรง (ลายมือ หมายถึงเรียนรู้อักษรหนังสือ, ยศ หมายถึงมีอำนาจเป็นเจ้าคนนายคน)
อำนาจนิยมเป็นอุดมคติการศึกษาไทย ทำให้เน้น “รูปแบบ” มากกว่า “เนื้อหา” เน้นเสื้อผ้าหน้าผมบนหัว มากกว่าความคิดสร้างสรรค์สติปัญญาในสมอง
ธรรมศาสตร์เลิกบังคับนักศึกษาแต่งเครื่องแบบไปเรียนมากกว่า 40 ปีมาแล้ว เหมือนมหาวิทยาลัยชั้นนำในโลก แต่สังคมไทยเห็นมหาวิทยาลัยอื่นบังคับนักศึกษาแต่งเครื่องแบบด้วยอุดมคติอำนาจนิยม ก็ตำหนิธรรมศาสตร์ไม่เรียบร้อย ช่างน่าเวทนา (ขอเชิญอ่านความเห็นเพิ่มอีกในบทนำมติชน ฉบับวันอังคารที่ 20 กันยายน 2559 หน้า 2)
แต่งชุดเหมา แต่ทำท่าฮิตเลอร์ ต้องการ “แหกคอก นอกครู” แสดงเนื้อหาเผด็จการบ้าระห่ำอำนาจนิยม
แต่สังคมเน้นรูปแบบมากกว่าเนื้อหา พากันตำหนิว่าไม่เข้ากัน เพราะชุดเหมาเซตุงจะแสดงแต่ท่าฮิตเลอร์ได้ยังไง?
เน้น “รูปแบบ” มากกว่า “เนื้อหา” ยังเห็นได้จากสังคมที่เน้นขั้นตอนทำพิธีการสำคัญกว่าความหมายของพิธีกรรม เช่น ลอยกระทง อธิบายรายละเอียดเรื่องการทำกระทง กับขั้นตอนเอาสิ่งของใส่กระทงก่อนจะเอาไปลอยน้ำ โดยไม่สนใจความหมายดั้งเดิมของพิธีกรรมเพื่อขอขมาผีน้ำผีดินคือธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ เลยหลงใหลยกย่องสิ่งปลอมๆ มากกว่าการแสวงหาความจริง