วิมานพระอินทร์ โดย รศ.ทวี ผลสมภพ

ได้อ่านการถกเถียงเรื่องการออกแบบวิมานพระอินทร์ของ สจล.แล้ว ก็สนใจตามเรื่อง การตามเรื่องมิได้ตามเพื่อจะรู้ว่าได้ไปลอกงานของคนอื่นหรือไม่ แต่ตามเรื่องเพราะอยากรู้ว่าทำไมประเทศรัสเซียถึงได้สร้างวิมานพระอินทร์ แต่เรื่องกลับเป็นว่า เจ้าของโครงการถูกกล่าวหาว่าเอาสถาปัตยกรรมของประเทศอื่น และมีชื่ออื่น แล้วเรามาตั้งชื่อว่าวิมานพระอินทร์ในบริเวณที่พัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตกรุงเทพมหานคร

ขณะนี้จึงสรุปว่า สจล.ได้เกิดความคิดที่ดี ที่จะเลื่อนวิมานบนสวรรค์ลงมาให้มนุษย์ได้ชม ผู้เขียนขอสนับสนุนแนวคิด แต่จะกระซิบว่า เราคงไม่สามารถสร้างวิมานของพระอินทร์ที่ชื่อ เวชชยันต์ปราสาทได้

เพราะอะไร?

เพราะปราสาทเวชชยันต์ของพระอินทร์ สูงถึง 700 โยชน์ ถ้านับเป็นกิโลเมตรก็จะได้ถึง 13,200 กิโลเมตร อีกทั้งส่วนประกอบของเวชชยันต์ปราสาทนั้น สร้างจากแก้ว 7 ประการ คือ แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ แก้วประพาฬ แก้วมุกดา แก้ววิเชียร และแก้วหุง (คืออะไร)

Advertisement

แต่จะอย่างไรก็ตาม ในเมื่อเราจะจำลองลงมา ก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง จะสร้างเหมือนหรือไม่เหมือน จะมีใครไปเห็นของจริง เพียงเราเขียนชื่อติดว่า เวชชยันต์ปราสาทของพระอินทร์ ก็จบ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เพียงเกริ่นให้เข้าเรื่องเท่านั้น เรื่องที่อยากจะให้สร้างแทนการสร้างวิมานพระอินทร์ ก็คือภพดาวดึงส์ ซึ่งทำได้ง่ายกว่า และน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่า แถมใช้ประโยชน์ได้มากกว่าอีกต่างหาก ท่านกล่าวว่ามนุษย์ถ้ามีโอกาสได้เห็นทิพยสถานแห่งนี้ จะลืมทุกอย่างในมนุษย์

ที่วิเศษยิ่งกว่านั้นก็คือ พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ถึงความมหัศจรรย์อันสวยงามที่บุญกรรมสร้างสรรค์ไว้ให้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในหลักฐาน จึงขอยกพระบาลี หรือพระพุทธวจนะ ที่ตรัสไว้ ในพระสุตตันตปิฎก ชื่อ พระสูตรและอรรถกถาแปลไทยเล่ม 63 หน้า 235 คาถาหรือโศลกที่ 591 ความว่า ภูเขาพระสุเมรุอันใหญ่อันเป็นทิพย์ทั้ง 7 คือ ภูเขา สุทัสสนะ กรวิก อิสินธร ยุคันธร เนมินธร วินันตกะ และภูเขาอัสสกัณณะ

ภูเขาเหล่านี้สูงขึ้นไปโดยลำดับ อยู่ในมหาสมุทรสีทันดร เป็นที่อยู่ของท้าวมหาราช ขอเชิญพระองค์ทอดพระเนตรเถิดพระเจ้าข้า พระวาจาเหล่านี้ ตรัสเป็นคาถาหรือโศลก ความไม่ชัด พระอรหันต์มีพระมหากัสปะเป็นต้นตอนทำสังคายนา ท่านจึงอธิบายเพิ่มเติมที่เรียกว่าคัมภีร์อรรถกถาอยู่ในหน้า 294 ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ มีความโดยสรุปว่า ภูเขาทิพย์ชื่ออัสสกัณณะอยู่นอกสุด ถัดจากภูเขาทิพย์ลูกนี้เป็นมหาสมุทรสีทันดร มีน้ำจืดสนิท วัตถุสิ่งของแม้จะเล็กน้อยก็ไม่สามารถลอยอยู่ได้ ทุกสิ่งตกลงผิวน้ำมีแต่จมลงอย่างเดียว (นี้คือภูเขาและคูน้ำรอบที่ 1) ถัดจากมหาสมุทรสีทันดร จะเป็นภูเขาทิพย์ชื่อวินันตกะ ภูเขาวินันตกะ จะสูงขึ้นไปครึ่งหนึ่งของภูเขาอัสสกัณณะ ถัดจากภูเขาชื่อวินันตกะ ก็คือมหาสมุทรสีทันดร (นี้คือภูเขาและคูน้ำรอบที่ 2)

ถัดมหาสมุทรสีทันดรเป็นภูเขาทิพย์ชื่อเนมินธร ภูเขาเนมินธรสูงกว่าภูเขาวินันตกะขึ้นไปครึ่งหนึ่ง ถัดจากภูเขาเนมินธร เป็นมหาสมุทรสีทันดร (นี้คือภูเขาและคูน้ำรอบที่ 3) ถัดจากมหาสมุทรสีทันดรรอบที่ 3 จะเป็นภูเขาทิพย์ชื่อ สุทัสสนะ ภูเขาสุทัสสนะสูงกว่าภูเขาเนมินธรขึ้นไปครึ่งหนึ่ง ถัดจากภูเขาสุทัสสนะ จะเป็นมหาสมุทรสีทันดร (นี้เป็นภูเขาและคูน้ำรอบที่ 4)

ถัดจากมหาสมุทรสีทันดรรอบที่ 4 จะเป็นภูเขาทิพย์ชื่อกรวิก ถัดจากเขากรวิกจะเป็นมหาสมุทรสีทันดร (นี้คือภูเขาและคูน้ำรอบที่ 5) ถัดจากมหาสมุทรสีทันดรรอบที่ 5 จะเป็นภูเขาทิพย์ชื่ออิสินธร ภูเขาอิสินธรสูงกว่าภูเขากรวิกขึ้นไปครึ่งหนึ่ง ถัดจากภูเขาอิสินธรเป็นมหาสมุทรสีทันดร (นี้เป็นภูเขาและคูน้ำรอบที่ 6) ถัดจากมหาสมุทรสีทันดรรอบที่ 6 จะเป็นภูเขาทิพย์ชื่อ ยุคันธร ภูเขายุคันธรสูงกว่าภูเขาอิสินธรขึ้นไปครึ่งหนึ่ง ถัดจากภูเขายุคันธร เป็นมหาสมุทรสีทันดร (นี้คือภูเขาและคูน้ำรอบที่ 7)

ถัดจากมหาสมุทรสีทันดรรอบที่ 7 เป็นยอดเขาสิเนรุ หรือยอดเขาพระสุเมรุ เป็นที่ราบกว้างประมาณหมื่นโยชน์ เป็นที่ตั้งของวิมานเวชชยันต์ ปราสาท สวนจิตรดา สวนมิสสกวัน เป็นต้น และเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ จุฬามณี

อย่างไรก็ตามการกล่าวมาทั้งหมดนี้ค่อนข้างรวบรัด เพราะแต่ละช่องของภูเขาทิพย์ที่มีมหาสมุทรสีทันดรอยู่ในระหว่างนั้น มีระยะห่างเป็นพันโยชน์ เช่น มหาสมุทรสีทันดร ระหว่างยอดเขาพระสุเมรุ มาถึงภูเขายุคันธรนั้น กว้างถึง 84,000 โยชน์ แต่พอช่วงสุดท้ายคือมหาสมุทรสีทันดร ช่วงระหว่างภูเขาวินันตกะกับภูเขาอัสสกัณณะ กว้างเพียง 1,312 โยชน์ กับอีก 200 เส้น

ความงามของสถานที่นี้จะพบได้ต่อเมื่ออยู่ในที่สูง แล้วมองลงมาจะพบวงกลมเหมือนล้อเกวียนรอบนอกคือภูเขาอัสสกัณณะ พร้อมเห็นมหาสมุทรสีทันดร จากนั้นจะเห็นภูเขาทั้ง 6 ลูก ลดหลั่นขึ้นไปตามลำดับ พร้อมน้ำในมหาสมุทรสีทันดรทั้ง 6 ท่านกล่าวไว้เป็นข้อสังเกตว่ายอดภูเขายุคันธรนั้น แปลว่าทรงไว้ซึ่งคู่ คือพระอาทิตย์และพระจันทร์ เดินอยู่ระดับเดียวกับยอดภูเขายุคันธร แบบนี้เหมือนพระอาทิตย์และพระจันทร์ อยู่ระดับเดียวกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ผู้เขียนอยากเห็นการสร้างถาวรวัตถุสิ่งนี้ไว้บนแผ่นดินไทย ถามว่าเพราะอะไร? ตอบว่า เพราะว่าสวรรค์วิมานต่างๆ ที่เราเขียนหรือสร้างอยู่ในเมืองไทยทุกวันนี้ เราจินตนาการเอาเองทั้งนั้น เราไม่เคยเห็นแบบเลย แต่ภพดาวดึงส์นี้ พระพุทธองค์ตรัสบอกไว้ แถมทำไม่ยาก เพียงสร้างภูเขา 7 ลูกล้อมเป็นวงกลมลดหลั่นขึ้นไปตามลำดับ จนถึงยอดของภูเขาที่เป็นแกนกลาง ซึ่งหมายถึงภูเขาพระสุเมรุ และมีลำธารน้ำ เป็นมหาสมุทรสีทันดร 7 แนว ประโยชน์ที่จะได้รับแน่ๆ คือ เมื่อคนขึ้นไปชมบนภูเขาจะเห็นวิวต่างๆ บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้การออกแบบต้องทำให้คนเดินรอบภูเขาได้ ผู้เขียนเคยอ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวไว้ว่า ร.5 ได้รับสั่งให้จำลองภพดาวดึงส์นี้ไว้ในพระบรมมหาราชวัง ไม่ทราบเท็จจริงเป็นอย่างไร เมื่อมีโอกาสเข้าในพระบรมมหาราชวัง เคยถามเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในพระบรมมหาราชวัง

ผลปรากฏว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย

อีกเหตุผลหนึ่งที่อยากให้สร้างภพดาวดึงส์ไว้ในเมืองไทย เพราะเมืองไทยนับถือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ฝ่ายพระอินทร์ก็นับถือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันด้วย และที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ พระอินทร์ได้ประกาศให้ชาวมคธทราบว่าพระองค์เองเป็นทาสรับใช้พระพุทธเจ้า ถามว่าพระอินทร์ได้ประกาสความเรื่องนี้ไว้อย่างไร? จึงขอยกเรื่องดังกล่าวที่ท่านกล่าวไว้ ในพระสูตรและอรรถกถา แปลไทย เล่มที่ 55 หน้า 135-137 พิมพ์ที่ รพ.มหามกุฎฯ พ.ศ.2525 โดยสรุปดังต่อไปนี้

พวกเราชาวพุทธคงรู้เรื่องตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ผู้เป็นพระราชาครองกรุงราชคฤห์ ณ ลัฏฐิวัน สวนตาลหนุ่ม ในคราวนั้นพระเจ้าพิมพิสารพร้อมประชาชนชาวเมืองราชคฤห์ 120,000 คน เมื่อฟังธรรมแล้ว ส่วนใหญ่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน ก่อนที่พระเจ้าพิมพิสารจะเสด็จกลับวัง ได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ไปเสวยในพระราชวังในวันรุ่งขึ้น

ในเย็นวันนั้น เมื่อประชาชนหนึ่งแสนสองหมื่นคนกลับไปถึงบ้านของตนแล้ว ได้พรรณนาให้คนในครอบครัวของตนฟังว่า พระรูปโฉมของพระพุทธเจ้าสวยงามเหลือเกิน ชนิดที่ไม่มีมนุษย์บนพื้นแผ่นดินนี้จะเสมอเหมือนเลย คนในครอบครัวฟังแล้วก็อยากจะไปดูพระรูปโฉมของพระพุทธเจ้า

ในคืนวันนั้นประชาชนในกรุงราชคฤห์ 18 โกฏิ จึงร่ำลือกันปากต่อปากถึงพระรูปโฉมของพระทศพล ทุกคนทั้ง 18 โกฏิ ต่างตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปชมพระรูปโฉมของพระพุทธองค์ ณ ลัฏฐิวัน สวนตาลหนุ่มให้จงได้

สภาพการณ์ดังกล่าวจะเกิดอะไรขึ้น แม้พระเจ้าพิมพิสารก็คาดการณ์ไม่ถึง พอรุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น ฝูงชนทั้ง 18 โกฏิ ก็มาเบียดเสียดยัดเยียดกัน ณ ลัฏฐิวัน เฝ้ามองพระรูปโฉมของพระพุทธองค์โดยไม่รู้จักอิ่ม จากกรุงราชคฤห์ถึงสวนตาลหนุ่ม ท่านว่ามีระยะทางเพียง 3 คาวุต คือประมาณ 15 กิโลเมตร สถานที่เพียงแค่นั้นจะพอบรรจุฝูงชนทั้ง 18 โกฏิหรือ? สถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้สวนลัฏฐิวัน และบริเวณที่ติดต่อกันแน่นไปด้วยฝูงชนชนิดที่ไม่สามารถที่แต่ละคนจะขยับตัวได้

สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้พระพุทธองค์และพระสงฆ์ หมดหนทางที่จะเดินฝ่าฝูงชนออกไปได้

แม้พระสงฆ์จะบอกว่า วันนี้ถ้าไม่ช่วยกัน พระพุทธเจ้าจะอดพระอาหาร แต่ฝูงชนก็ทำอะไรไม่ได้ และนั่นคือร้อนถึงพระอินทร์ เพราะอยู่ๆ พระแท่นนั่งพระองค์ก็ร้อนขึ้นมา เมื่อทรงทราบเหตุการณ์ดังกล่าว จึงแปลงเพศเป็นมาณพน้อย ถือพิณมาปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชน พระองค์เนรมิตเพศของพระองค์ให้งาม ไม่แพ้พระพุทธองค์ มาณพน้อยเดินนำพระพุทธองค์ไปสู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วก็ร้องเพลงไปพลางดีดพิณไปพลางว่า พระพุทธเจ้าผู้มีผิวพระกายเหลืองอร่ามดุจทองสิงคี ทรงเป็นพระอรหันต์ กำลังจะเสด็จไปสู่กรุงราชคฤห์ พร้อมกับพระปุราณชฎิล ผู้เป็นพระอรหันต์

ฝูงชนได้เห็นมาณพน้อยผู้มาใหม่ หน้าตาสวยงามไม่แพ้พระพุทธเจ้า แถมร้องเพลงดีดดนตรีอันไพเราะ จึงละสายตาจากพระตถาคต หันมามองมาณพน้อย แล้วแต่ละคนพูดซุบซิบกันอื้ออึงว่า มาณพน้อยนี้เป็นใคร มาจากไหน พวกเราไม่เคยเห็นเลย เขาเป็นคนของใครหนอ! หน้าตาสวยงามยิ่งนัก พลันมาณพน้อยนั้นก็ร้องเพลงดีดพิณตอบว่า พระสุคตเจ้าพระองค์ใดทรงฝึกพระองค์แล้วในที่ทั้งปวง ทรงเป็นผู้ประเสริฐที่สุด หาบุคคลเปรียบไม่ได้ ทรงเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นคนรับใช้พระสุคตเจ้าพระองค์นั้น จากนั้นพระพุทธเจ้าและพระสาวกจึงได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่ปราสาทของพระเจ้าพิมพิสารได้

นี่คือคำประกาศที่พระอินทร์ประกาศต่อหน้าชาวมคธว่า พระองค์เป็นผู้รับใช้พระตถาคต

ด้วยเหตุผลที่ว่า รูปแบบภพดาวดึงส์เป็นรูปแบบที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้อย่างหนึ่ง พิศดูจากจินตภาพแล้ว ภพดาวดึงส์นี้สวยงามชนิดที่ไม่มีสถาปัตยกรรมในเมืองมนุษย์เทียบได้ ประการที่สอง เมืองไทยนับถือพระพุทธศาสนา พระอินทร์ก็นับถือพระพุทธศาสนา และเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันด้วย เป็นประการที่สาม

จึงขอเสนอ สจล.หรือ กทม.ก็ได้ น่าจะสร้างภพดาวดึงส์ของพระอินทร์ แทนวิมานพระอินทร์ หรือจะเพิ่มภพดาวดึงส์เข้าไปอีกรายการหนึ่งก็จะดีไม่น้อย ก่อนจบบทความ ขออัญเชิญท้าวสักกเทวราช โปรดประทานพร ให้ใครก็ตามที่สร้างภพดาวดึงส์ไว้ในเมืองมนุษย์ จงเจริญด้วยยศ จงเจริญทรัพย์ จงมีอายุยืน และประสงค์อะไรจงได้สิ่งนั้นทุกประการเทอญ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image