ภาพเก่าเล่าตำนาน : คาซัคสถาน…เหมาเครื่องบินมาภูเก็ต โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ภาพเก่าเล่าตำนาน : คาซัคสถาน…เหมาเครื่องบินมาภูเก็ต โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

คนไทยไม่ค่อยคุ้นหูชื่อประเทศนี้ …แต่นี่คือนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ (กลุ่มหนึ่ง) ที่ผูกสมัครรักใคร่กับ ภูเก็ต… ชายทะเล อาหาร อากาศ การบริการ ธุรกิจด้านดูแลสุขภาพ ฯลฯ ของไทยแบบ “รักแท้”

ถ้าไม่แยกแยะกลุ่มสัญชาตินักท่องเที่ยว เราก็จะไม่ทราบว่าจะมีชาวคาซัคสถานหนีหนาว มาเที่ยว มาพักผ่อน มาทอดร่างในหาดทราย สายลม และแสงแดด ที่ภูเก็ตมากขนาดนี้ …

ปี พ.ศ.2562 ชาวคาซัคสถานเหมาเครื่องบินมาลงที่ภูเก็ตราว 7 หมื่นคน

หลายปีที่ผ่านมา (ก่อนโควิด-19) ชาวคาซัคมาชื่นชอบภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง… บินไป-มา เอาเงินมาใช้จ่าย มาลงทุน ทำธุรกิจในภูเก็ตแบบเป็นเนื้อเป็นหนัง…ไม่น้อยหน้าชาติอื่นๆ

Advertisement

ปากต่อปาก…ชาวคาซัคและผู้คนในประเทศที่มีดินแดนติดกับคาซัคสถาน เมื่อเข้าฤดูหนาวที่แสนทรมาน พากันซื้อทัวร์บินตรงมาลงภูเก็ต …มากขึ้น และมากขึ้น

การเดินทางแสนสะดวก เกิดสายการบิน Low Cost…ผู้คนจากเมืองหนาวทั้งหลายในโลก ล้วนเก็บหอมรอมริบ เพื่อจะหนีออกไปจากความทุกข์ทรมาน

นักท่องเที่ยวนับหมื่นนับแสนในโลกเมื่อ “ใจตรงกัน” คนหลายชาติ หลายภาษา ไปอยู่เมืองไหน ไปร้องรำทำเพลง ดื่ม กิน เที่ยวเล่น มีเรื่องมีราว “มีปัญหา” ในเมืองท่องเที่ยวไม่น้อยนะครับ

Advertisement

ทะเลาะวิวาท ถูกฉ้อโกง โดนทำร้าย เสพยาเสพติด ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บ ป่วย ตาย พาสปอร์ตหาย…สารพัดปัญหา

ขอกล่าวถึงเฉพาะ… กลุ่มนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน…

เมื่อมีประชาชนคาซัคออกมาเที่ยวภูเก็ตแบบถาวรจำนวนมากนี้ ในหลักการต้องมี สำนักงานกงสุลในภูเก็ต (Foreign Consulate in Phuket) เพื่อคอยดูแลเช่นเดียวกับชาติอื่นๆ

พ.ศ.2563 รัฐบาลคาซัคสถาน พูดคุย ประสานกับรัฐบาลไทย เพื่อขอแต่งตั้ง “นักธุรกิจหนุ่มคนไทย “คุณอรรถนพ พันธุกำเหนิด” เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์คาซัคสถาน คนแรกในภูเก็ต

24 กุมภาพันธ์ 2564 คุณอรรถนพได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกงสุลฯ ณ จังหวัดภูเก็ต สำเร็จเรียบร้อย (ผ่านช่องทางกระทรวงการต่างประเทศไทย)

มีสถานกงสุลของต่างประเทศในภูเก็ตมากกว่า 20 แห่ง

คาซัคสถาน (Kazakstan) เรียกอย่างเป็นทางการ “สาธารณรัฐคาซัคสถาน : Qazaqstan Respublikas?”

อยู่ในเอเชียกลาง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและภาคเหนือของรัสเซีย มีพื้นที่ใหญ่โตมาก…ราว 2,724,900 ตารางกิโลเมตร

เดิมเป็นดินแดนอยู่ในสหภาพโซเวียต ต่อมาแยก-แตกตัว ประกาศอิสรภาพตั้งเป็นประเทศ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2534

คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ร่ำรวยที่สุดในเอเชียกลาง…มีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมหาศาล

เป็นประเทศที่ “ไม่มีทางออกสู่ทะเล” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประชากร 18.8 ล้านคน และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากร “เบาบาง” ที่สุดในโลก โดยมีน้อยกว่า 6 คนต่อ 1 ตารางกิโลเมตร

ชาวคาซัค…สืบทอดวัฒนธรรมของเส้นทางสายไหมโบราณ ผู้คนมีวิถีชีวิตเร่ร่อน หลังได้รับอิสรภาพในปี 2534 รัฐบาลคาซัคสถานสร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศ

คาซัคสถานมีโชคลาภก้อนยักษ์ เป็นทรัพยากร…มั่งคั่ง

หากแต่เงินรายได้… ตกไปอยู่ในมือของคนกลุ่มหนึ่ง เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางและจัดอยู่ในกลุ่มดัชนีการพัฒนามนุษย์ในระดับสูง

มีประชากรราว 18.8 ล้านคน เป็นมุสลิม 67% รัสเซียออร์โธดอกซ์ 24% โปรเตสแตนต์ 2% และอื่นๆ 7%

สร้างท่อส่งน้ำมันไปยังประเทศจีน ส่วนท่อส่งก๊าซอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีแร่ธาตุอีกมหาศาล มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

มีฤดูร้อนที่อบอุ่น…ฤดูหนาวที่ “หนาวจัด”

นี่ก็เป็น 1 เหตุผลที่ต้องหนีหนาวจัด…ออกมาใช้ชีวิตท่องเที่ยว

คาซัคสถานมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในเอเชียกลาง ก่อนที่จะประสบปัญหาการชะลอตัวในปี 2557 และ 2558

เมื่อแยกออกมาตั้งประเทศ….คาซัคสถานเป็นประเทศแรกที่ชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่กองทุนการเงิน IMF เร็วกว่ากำหนด 7 ปี

ในภาพรวมการท่องเที่ยวของไทย…

พ.ศ.2562 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยสร้างรายได้ 1.93 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย รัสเซีย ญี่ปุ่น และอินเดียตามลำดับ

เมืองท่องเที่ยว 3 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่และภูเก็ต

ปลายปี 2562 ปีศาจร้ายโควิด-19 ทำเอานักท่องเที่ยวที่เคยมาภูเก็ตราวปีละ 10 ล้านคน…มลายหายไป

มาตรการทางการแพทย์ของไทยเองที่กำหนด “คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า” ทำเอา “ผู้ประกอบการ” ระดับบน ลงไปถึงคนขายลูกชิ้นปิ้งริมถนนทรุดฮวบ

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางไปมาหาสู่ของชาวโลกทั้งผอง… กลายเป็นเรื่อง “ต้องห้าม”

ที่ตายก็ตายไป…ที่อยู่ก็เจียนอยู่ เจียนตาย พินาศหมดตัว

สายการบิน โรงแรม อาหาร ดนตรี กีฬา แทบหายไปจากโลกนี้

ต้องย้อนอดีตกันหน่อย…เดี๋ยวจะลืม…ชาวโลกรู้จักโควิดครั้งแรก ธันวาคม 2562 พบครั้งแรกที่นครอู่ฮั่น ประเทศจีน

ชาวโลกตายไปแล้วราว 5 ล้าน ติดเชื้อราว 250 ล้านคน (สถิติถึงปลายเดือนตุลาคม 2564)

คำกล่าวว่า “หลังโควิดหมดไป” ถูกยืนยันแล้วว่า…จะไม่มีจริง

ผ่านไป 2 ปีเศษ…ชาวโลก…ตั้งหลักคิดใหม่…“เราจะอยู่กับโควิด” แปลความง่ายๆ ว่า…“กูจะอยู่ด้วยกันกับมึง”

ปลายปี 2564 จำนวนผู้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น วัคซีน หยูกยา ผ้าปิดจมูก สารพัดมาตรการ ยาทา ยาดม สมุนไพร ถูกคิดค้น

เศรษฐกิจโลกเข้าสู่จุดวิกฤต…แจกเงินกันไม่หวาดไหว

การท่องเที่ยวที่ฟุบ…ต้องฟื้นให้ได้…ประเทศไหนจะ “เปิดก่อน”

ข่าวดีเล็กๆ จากกงสุลกิตติมศักดิ์ฯ คาซัคสถาน ณ ภูเก็ตครับ…

เที่ยงคืนของวันที่ 31 ตุลาคม 2564 เที่ยวบินปฐมฤกษ์จากคาซัคสถาน จะบินขึ้นจากเมืองอัลมาตี (Almaty) ในคาซัคสถาน นำนักท่องเที่ยวชาวคาซัคจำนวน 168 คน มาแตะพื้นสนามบินภูเก็ตราว 10 โมงเช้าของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

และต่อแต่นี้ไป…จะมีเที่ยวบินจากกรุงอัลมาตีมาลงภูเก็ต 2 เที่ยว/สัปดาห์…ทุกวันพฤหัสบดีและอาทิตย์

ใช้เวลาบินราว 7 ชม. 50 นาที

เดือนตุลาคม 2564 มีดาราภาพยนตร์ดังระดับโลก รัสเซลล์ โครว์ (Russel Crowe) และทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์เข้ามาทำงาน กิน นอน พักผ่อนในภูเก็ต

อดีตพระเอกหนัง The Gladiator ขยับปากชื่นชมภูเก็ตในทวิตเตอร์ไม่กี่ประโยค คนนับล้านทั่วโลก “ได้ยิน”

ภูเก็ต เกิดมีแสงเงิน แสงทอง สว่างไสวขึ้นมาเฉียบพลัน

ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์กำลังไปได้สวย…นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมีแผนจะเช่าเหมาลำ บินมาลงกันแบบหิวโหย มีตัวเลขน่าปลื้มใจ

ทุกประเทศก็แข่งกันทำแบบนี้นะครับ…เพราะเจ๊งมานาน

ขอชวนคุยเรื่อง ภูเก็ต ในมุมการเมือง การปกครองนะครับ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้อ่านข่าวเรื่องพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ลงไปอุ่นเครื่อง หาเสียงเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้ง ณ ภูเก็ต…

ในการพูดคุย เสวนา ผู้แทนพรรคการเมืองนี้…บอกแนวทางการพัฒนาชาวภูเก็ต …ใช้คำว่า “จังหวัดจัดการตนเอง”

ผู้เขียนรีบอ่านข่าวต่อ…อยากได้ยินมานานแล้ว ที่จะให้ “ภูเก็ตเป็นจังหวัดจัดการตนเอง”

โควิด-19 ที่สร้างความพินาศมาเกือบ 2 ปี มีประเด็นที่ไปโยงยึดกับ “การปกครอง-การกระจายอำนาจ” แบบมองข้ามไม่ได้

หลายมาตรการทางการแพทย์ที่ ศบค.กำหนด มีการแบ่งมอบอำนาจให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดไปกำหนดรายละเอียดเอาเอง

เพราะแต่ละจังหวัดมีสภาพความรุนแรง สภาพภูมิสังคม ที่แตกต่างกัน บางจังหวัดมีคนเดินทางเข้า-ออก นับแสน นับล้าน

บางจังหวัด…เงียบเหงา ไม่คึกคัก ไม่ค่อยมีคนไป-มา ก็แทบไม่ต้องไปแอ๊กชั่นอะไรมาก…

คำสั่ง มาตรการ บางครั้งก็ใช้เหมารวม แบบเดียวกันทุกจังหวัด ในขณะที่ “สภาพการณ์” แตกต่างกัน

ในมุมของผู้เขียน… การให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ภาคเอกชนตกลงใจ กำหนดมาตรการดูแลประชาชนในจังหวัดตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการกระจายอำนาจ เพื่อเหมาะกับท้องถิ่นของตนเอง

บางจังหวัด “จัดการ” กับโควิดได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งพาส่วนกลางมากนัก ภาคประชาชนจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม อาหาร น้ำ ผู้คนถูกจัดระเบียบให้ “ทำมาหากินได้” แบบลงตัว

ในขณะเดียวกันก็มีบางจังหวัดที่ทรุดหนัก มีผู้ติดเชื้อใหม่-เก่า มีผู้เสียชีวิตแบบน่าตกใจ

มองให้ลึกๆ นะครับ…นี่ก็คือหลักการ จังหวัดจัดการตนเอง

วิกฤตโควิด-19 คือ การพิสูจน์ฝีมือ “จังหวัดจัดการตนเอง”

ทหารเรียกว่า…“ต่างภูมิประเทศ ต่างวิธีรบ”

ขออ้างอิงเอกสารทางวิชาการของสถาบันพระปกเกล้า…

จังหวัดจัดการตนเอง หมายถึง การที่ประชาชนในจังหวัดมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกำหนดทิศทางการพัฒนา การบริหารจัดการจังหวัดของตนเองในทุกด้าน

ทั้งด้านการเมืองเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขภาวะทางร่างกาย จิตใจ สังคมปัญญา ที่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชน

เมื่อเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและสังคม ก็สามารถจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในท้องถิ่นได้ด้วยตนเองและเท่าทันกับสถานการณ์…

ในอดีตที่ผ่านมา…มีการสัมมนาพูดคุยกันจนแก่เฒ่า ตายไปแล้วก็เยอะ “ยืนยัน” ให้มีจังหวัดจัดการตนเอง

ประเด็นที่ “โดดเด่นที่สุด” คือ ผู้ว่าการจังหวัดปกครองตนเอง “มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน” มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและการบริหารจังหวัดปกครองตนเอง พิจารณาและออกประกาศ ประกาศใช้แผนพัฒนา

จังหวัดปกครองตนเอง เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเจ้าหน้าที่ของจังหวัดปกครองตนเอง และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของจังหวัดปกครองตนเอง…

“จังหวัดจัดการตนเอง” เป็นแนวคิดที่สนับสนุนให้ท้องถิ่นมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการพัฒนาท้องถิ่น… ให้ราชการบริหารส่วนกลางมีอำนาจในการการกับดูแลการบริหารจัดการของท้องถิ่นเท่าที่จำเป็น

…สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางในการพัฒนา การบริหารจัดการทรัพยากรในด้านต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น…

ให้จังหวัดปกครองตนเองสามารถ “จัดเก็บภาษีได้เอง”

มีข้อมูลในเอกสารทางวิชาการ ที่ยังโต้แย้งหลักการนี้ว่า“ประชาชนยังไม่พร้อม”

ผู้เขียนเองขอถามกลับว่า…ใครกันแน่ที่ไม่พร้อม ?…

แต่ละจังหวัด เค้ามีคนเก่ง มีนักพัฒนา สามารถดูแลสร้างงาน สร้างเงินให้บ้านเกิด ให้ท้องถิ่นมานานโขแล้ว

ข่าวสารที่ออกมาเสมอ คือ ประชาชนในท้องถิ่นเบื่อหน่าย ออกมาแสดงความ “เบื่อหน่าย” กับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เป็นข้าราชการมาจากส่วนกลาง เหลืออายุราชการเพียง 1 ปี …มาเป็นผู้ว่าฯ เพื่อเป็นเกียรติประวัติในชีวิต

บ้างก็มาเป็นผู้ว่าฯ 1 ปี…แล้วก็ย้ายไป หากแต่ ผวจ.ที่มีคุณค่าทำงานดีเด่น เป็นที่รักของประชาชนก็มีมาก

ผู้เขียนขอสนับสนุน ภูเก็ตให้เป็นจังหวัดจัดการตนเอง

ขอให้ภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง เมืองท่องเที่ยวหลัก-รอง ประสบความสำเร็จ ต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งคนไทยกันเอง ที่จะมาท่องเที่ยว มาใช้จ่ายแบบ…มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image