เรื่องเหี้ยสวนลุมพินี โดย วีรพงษ์ รามางกูร

เรื่องการจับเหี้ยไปปล่อยที่สวนเพาะพันธุ์สัตว์ป่าที่จังหวัดราชบุรีของกรุงเทพมหานครเป็นข่าวทางสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์แทนข่าวการเมืองอยู่หลายวัน

และดูเหมือนผู้คนจะให้ความสนใจข่าวจับเหี้ยที่สวนลุมพินีมากกว่าข่าวเศรษฐกิจและข่าวการเมือง เพราะข่าวการเมืองก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวเปิดฝายน้ำล้นที่อำเภอฝาง ส่วนข่าวเศรษฐกิจก็เป็นข่าวทัวร์ศูนย์เหรียญของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งไม่น่าสนใจอะไร สู้ข่าว กทม.จับเหี้ยที่สวนลุมฯดีกว่า

ทำไมคนภาคกลางจึงรังเกียจเหี้ยนักก็ไม่ทราบ และเพิ่งจะมาเป็นเอาตอนหลังนี้เอง สมัยก่อนคนไทยภาคกลางก็คงไม่ได้รังเกียจตัวเหี้ยอะไรมากนัก เพราะวัดหลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์ชื่อดังก็ชื่อวัดบางเหี้ย บางเหี้ยก็เป็นชื่อตำบล เป็นชื่อสถานที่ ผู้คนที่อยู่บางเหี้ย เขาก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร

เหี้ยกลายเป็นคำหยาบ เพราะเหี้ยกลายเป็นคำด่าทอกันในหมู่คนชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นล่างของสังคมไทยภาคกลาง และเป็นคำด่าทอที่ถือว่าหยาบคายกว่าคำด่าว่าเป็นสัตว์อย่างอื่น เช่น หมา ส่วนสัตว์อื่นนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่คนไทยนำเอามาใช้เป็นการด่าทอบ้าง

Advertisement

สำหรับคำว่าหมานั้นมีระดับ ระดับหนึ่งคือหมาเป็นคำด่าคนว่าหมายถึงสุนัขร่อนเร่ไม่มีเจ้าของ เป็นสัตว์ที่ผสมพันธุ์ไม่เลือกสถานที่และเผ่าพันธุ์

อีกระดับหนึ่งคือด่าว่าเป็นสุนัขรับใช้ เปรียบเทียบว่าเป็นผู้รับใช้ของคนอีกคนหนึ่ง ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือความเป็นตัวเอง

คำด่าว่าเป็นเหี้ย ผู้ฟังจะรู้สึกโกรธก็เฉพาะผู้ฟังที่เป็นชาวกรุงเทพฯและผู้ฟังภาคกลางเท่านั้น สำหรับคนภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ ไม่ได้เรียกว่าเหี้ยเหมือนคนกรุงเทพฯและคนภาคกลาง แต่เรียกว่า “แลน” ซึ่งไม่ใช่คำหยาบ เพราะเนื้อใช้รับประทานเป็นอาหารอันโอชะ ชาวใต้นิยมเอาเนื้อแลนหรือเหี้ยไปผัดเผ็ดใส่มะเขือพวง ใบโหระพา และเครื่องแกง รสชาติเอร็ดอร่อยเหมือนเนื้อไก่บ้านหรืองูสิง แต่อร่อยกว่ามาก

Advertisement

ชาวอีสานนิยมเอาไปทำลาบ ต้มส้ม หรือเอาไปแกงกับผัก ส่วนที่อร่อยที่สุดคือส่วนโคนหาง เรียกว่า “บ้องตัน” ส่วนหางเป็นของดีไม่เอาไปหั่นหรือไปสับ ซึ่งคนอีสานคำว่าสับเรียกว่า “ฟัก” ถ้าคนอังกฤษฟังก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าหยาบอีกก็ได้

ทั้งๆ ที่เราเคยมีรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งมีชื่อเล่นว่า “ฟัก” ซึ่งแสดงว่าไม่หยาบ เพราะเป็นชื่อลูกไม้ที่นำมาแกงจืดก็ได้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์รุ่นเก่าท่านหนึ่งท่านก็ชื่อฟัก ก็ไม่เห็นจะเป็นไร

เหี้ยเป็นสัตว์ที่ทางการขึ้นทะเบียนไว้เป็นสัตว์สงวน ไม่ให้นำไปเลี้ยงหรือจับไปรับประทาน มีความผิด เพราะเป็นสัตว์หายากใกล้จะสูญพันธุ์ ทั้งๆ ที่เป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์ได้เร็ว ตัวเมียสามารถไข่ทีละ 40-50 ฟอง อย่างน้อยก็ 30 ฟอง ปีหนึ่งจะผสมพันธุ์และออกไข่ 3 ครั้ง

แต่กลายเป็นสัตว์หายากก็เพราะคนจับไปกินกันหมด เพราะรสชาติเอร็ดอร่อย ไม่เคยเหลือมาขายที่ตลาดเลย ที่ลาวหรือที่พม่าสัตว์ป่าอย่างอื่น เช่น หมี ค่าง บ่าง ชะนี งูสิง งูเห่า งูเหลือม ยังพอเห็นมีขายที่ตลาดเพื่อนบ้าน

แต่แลนไม่เคยเห็น คนที่จับได้คงจะเอาไปรับประทานเองหมด

หนังเหี้ยหรือหนังแลนใช้ทำกระเป๋าถือหรือเข็มขัด มีแบรนด์หรือยี่ห้อแพงๆ ของฝรั่งเศสที่คนไทยไปซื้อเอามาถือโดยไม่รู้ว่าเป็นหนังเหี้ย เพราะคนขายเขาจะบอกว่าเป็นหนังวรนุช หรือ Varanus ซึ่งเป็นภาษาละติน เป็นศัพท์ทางวิชาการที่ใช้เรียกสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้

คนไทยที่ดัดจริตซึ่งส่วนมากเป็น “ผู้ดี” คุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่เกลียดกลัวเหี้ย ทั้งๆ ที่ตนเองไม่เคยเห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

เหี้ยเป็นสัตว์ที่กินไม่เลือก ไม่ว่าจะเป็นซากสัตว์หรือซากของพืชผักทั้งที่เน่าเปื่อยและไม่เน่าเปื่อย เข้าใจว่าที่คนไทยภาคกลางเกลียดตัวเหี้ย เพราะตัวเหี้ยชอบคลานออกมาลักกินเป็ดกินไก่ในตอนกลางคืน ไม่มีประโยชน์เพราะคนภาคกลางไม่กินกัน หนังมามีประโยชน์เอาตอนหลังเมื่อฝรั่งนิยมกระเป๋าหนังเหี้ย

เหี้ยในกรุงเทพฯมีถิ่นที่อยู่ 3 ที่ คือ สวนสัตว์ดุสิตหรือเขาดินวนา ที่ทำเนียบรัฐบาล และที่สวนลุมฯ เข้าใจว่าเดิมคงจะมีถิ่นที่อยู่เพียงที่เขาดินวนาเพราะเป็นสวนสัตว์ และหลุดมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพราะอยู่ใกล้กับสวนสัตว์ดุสิต

คงจะซอกแซกว่ายน้ำไปตามคลองไปพบสระน้ำใหญ่ในทำเนียบเหมือนที่เขาดินก็เลยปักหลักปักฐานอยู่ที่นั่น กทม.ประมาณการเอาว่าที่สวนลุมฯคงจะมีไม่น้อยกว่า 400 ตัว ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ยินสื่อว่ามีประมาณ 40-50 ตัว ส่วนที่เขาดินวนาไม่เคยมีใครประมาณการเอาไว้เหมือนที่สวนลุมฯและทำเนียบรัฐบาล ก็เลยไม่ทราบว่ามีกี่ตัวกันแน่

ความจริงถ้าไม่ต้องการให้สัตว์ชนิดใดสูญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นลิง ค่าง บ่าง ชะนี นิ่ม งู นกเงือก กวาง กระทิง และอื่นๆ เช่น เสือ นกยูง รวมทั้งเหี้ยด้วย ถ้าอนุญาตให้เลี้ยงได้ แต่ห้ามล่า ห้ามจับ ห้ามทำร้ายสัตว์ที่อยู่ในป่า สัตว์เหล่านี้ก็จะไม่สูญพันธุ์

เพราะมนุษย์จะเป็นผู้เพาะขยายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าห้ามเลี้ยง ห้ามมีไว้ในครอบครอง ถ้าอยากได้ก็มีทางเดียวคือไปจับมาจากป่า ซึ่งจะทำให้สัตว์ป่าสูญพันธุ์ เป็ด ไก่ ปลากัด ปลาสวยงาม ปลานิล ปลาดุก ปลาช่อน รวมทั้งปลาบึกจะไม่มีวันสูญพันธุ์ เพราะทางการอนุญาตให้เลี้ยงได้ สัตว์ที่ไม่อนุญาตให้มนุษย์เลี้ยงได้ในไม่ช้าก็สูญพันธุ์

ยิ่งอนุญาตให้เลี้ยงเพื่อการพาณิชย์คือให้เลี้ยงขายได้ เช่น เสือ กวาง เก้ง กระทิง หมูป่า อนุญาตให้เพาะขายได้ สัตว์เหล่านี้ก็จะไม่สูญพันธุ์ แต่อาจจะเชื่องเป็นสัตว์บ้าน ไม่เป็นสัตว์ป่าอีกต่อไป

เหี้ยที่จับไปจากสวนลุมฯ 40 ตัว เอาไปปล่อยที่ราชบุรีไม่น่าจะเหลือ เพราะอาหารมีไม่พอ ไม่เหมือนที่สวนลุมฯที่อยู่กับสัตว์อื่นๆ เช่น ปลา หนู สุนัข ซึ่งเหี้ยสามารถจับเอามาเป็นอาหารได้ รวมทั้งมีผู้คนที่ไม่รังเกียจนำอาหารมาเลี้ยง

แต่ภาพที่เห็นจากโทรทัศน์ที่ราชบุรี ไม่น่าจะมีอาหารเพียงพอ ไม่ช้าก็คงเป็นอาหารของพนักงานหรือชาวบ้านในย่านใกล้เคียง เป็นไปไม่ได้ที่เหี้ยจะไม่หาทางหลบหนีออกจากที่กักขังซึ่งมีพื้นที่เพียง 180 ไร่

เหี้ยที่เหลืออยู่ที่สวนลุมฯ 360 ตัว อย่าจับไปปล่อยเลย เพราะไกลหูไกลตาผู้คน กลัวจะไม่รอด น่าจะปล่อยให้อยู่ที่นี่ให้กลายเป็นสวนเหี้ยก็ไม่เห็นเสียหายอะไร อาจจะได้ลงกินเนสส์บุ๊ก เป็นจุดสนใจของการท่องเที่ยวก็ได้

เพราะเหี้ยไม่ได้ “เหี้ย” อย่างที่คนไปใส่ร้ายป้ายสีเอาไว้ ไม่เคยทำร้ายใคร อยู่อย่างสงบ สวนลุมฯก็ไม่ใช่ฟาร์มเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ที่เหี้ยจะไปลักขโมย

เหี้ยไม่เคยคดโกงหลอกลวงใคร ไม่เคยทำอะไรชั่ว ทั้งหมดทั้งปวงที่ผู้คนรังเกียจเกิดจากการใส่ร้ายป้ายสีของคนกรุงเทพฯและคนเผ่าไทยภาคกลางเท่านั้นเอง

เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ยก็เป็นของขลังที่ผู้คนนิยมกันเป็นอย่างมาก ทำได้ยาก เดี๋ยวนี้มีแต่ของปลอมทั้งนั้น เขี้ยวเสือที่หลวงพ่อปานปลุกเสก เขาว่าใครมีไว้ครอบครองผู้คนจะเกรงขามเหมือนเกรงขามเสือ พกไว้สุนัขไม่ว่าจะดุร้ายเพียงใดก็วิ่งหนี ถ้าเป็นของแท้วัดบางเหี้ย แต่เดี๋ยวนี้ ส่วนมากจะเป็นเขี้ยวหมีของปลอม

คำว่าเหี้ยนั้นคนอีสาน คนเหนือ รวมทั้งคนลาวใช้เรียกไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นลำใหญ่ ปล้องยาว ข้อห่าง ไม้ไผ่ชนิดนี้หน่อรสชาติจะไม่ค่อยดี ชาวบ้านจะปล่อยไว้จนแก่แล้วเอามาตากแห้งใช้สานทำฝาบ้าน ภาคกลางเรียกว่าฝาขัดแตะ แต่คนอีสานและคนลาวจะเรียกบ้านชนิดนี้ว่าบ้านไม้เหี้ย

ฝาไม้เหี้ยนี้จะคงทนมาก อยู่ได้เกิน 10 ปี ถ้าอยู่ในร่มก็จะอยู่ได้ตลอดไป แต่มอดชอบไช ไปพม่าและลาวก็ยังเห็นบ้านที่ใช้ไม้ไผ่เหี้ยสานขัดแตะอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบท

ขอย้ำคำว่า “เหี้ย” ไม่ได้เป็นคำหยาบ ตัวเหี้ยก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งคล้ายๆ จระเข้ ไม่ได้ทำอันตรายผู้คนอะไรเลย วิ่งเข้าบ้านใครก็ไม่ได้ทำความอัปมงคลอะไรให้กับใครเลย ไม่เคยนำความอัปมงคลมาสู่ใครเลย

เขาดินวนาก็เจริญรุ่งเรืองดี เก็บเงินค่าเข้าชมได้จำนวนมากทั้งๆ ที่เก็บราคาถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก คนชรา กับนักเรียน สวนลุมพินีก็เป็นที่นิยมไปออกกำลังกายกัน ไม่เคยเสื่อมความนิยม ผู้คนที่ไปพักผ่อนหย่อนใจหรือไปออกกำลังกายก็ไม่เคยพบกับความอัปมงคลเพราะไปที่นั่น

สวนลุมพินียังเป็นที่พลอดรักของคนหนุ่มสาวมาแต่รุ่นปู่ เพราะสมัยนั้นโรงแรมมีน้อย โรงแรมม่านรูดก็ยังไม่มี มีเด็กเอาเสื่อมาให้เช่าและขายยากันยุง มีเหี้ยคลานขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนไม่ให้เปลี่ยวเกินไป

ส่วนเหี้ยที่อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลจะเป็นอย่างไรไม่ทราบเพราะห่างเหินมานาน คงขยายพันธุ์ได้ไม่เร็วเท่ากับที่สวนลุมพินี เพราะจำกัดจำนวนไว้เท่านั้น แต่ก็เป็นข่าวอยู่เรื่อยว่าถูกจับไปปล่อยที่สวนสัตว์

ขอประท้วงทางการที่ไม่ให้เหี้ยมีเสรีภาพในการเลือกที่อยู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image