ยิ่งสูงยิ่งหนาว โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

ย้อนดูคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว โดยปฏิเสธการเป็น “นายกรัฐมนตรีคนนอก” อย่างชัดเจนถึง 3 ครั้ง

ครั้งแรกยืนยันว่า จะไม่ขอเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะมีหน้าที่ช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี และถ้าหากนายกฯไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะไม่ทำหน้าที่นี้

ครั้งต่อมา มีนักข่าวถามว่าหากมีเสียงเรียกร้องให้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองจะว่าอย่างไร พล.อ.ประวิตรก็ยืนยันว่า ทุกวันนี้ก็ช่วยอยู่แล้ว ช่วยมา 50 ปีแล้ว แต่จะไม่ขอเป็นนายกฯคนนอกแน่ๆ

ครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ให้สัมภาษณ์ยืนยันปฏิเสธเก้าอี้นายกฯคนนอกอีกครั้ง

Advertisement

ดูเผินๆ อาจเป็นแค่การพูดไปตามสูตรปกติ

แต่ถ้าไปดูคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯปัจจุบัน ถึงกรณีนายกฯคนนอกหลังเลือกตั้งปี 2560 จะพูดจาด้วยอีกท่าทีหนึ่ง คือไม่ปฏิเสธ

แถมยังมีกลุ่มไอ้ห้อยไอ้โหนออกมาช่วยปูทางกันอย่างคึกคัก ก็ยิ่งเห็นอะไรต่อมิอะไรชัดเจน

ดังนั้นจึงมองได้ไม่ยากว่า เมื่อคนหนึ่งไม่ปฏิเสธ อีกคนยิ่งต้องรีบปฏิเสธ เพื่อหลีกทางให้กัน เพื่อลดปมขัดแย้ง และเพื่อไม่ให้มีการขยายปมความหวาดระแวง

ความหวาดระแวงนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด

ยังมีเรื่องน่าสังเกตอีกอย่าง

กรณีบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ เป็นที่กล่าวขวัญกันมากว่า 2 ตำแหน่งสำคัญสุด ลงเอยเลือกโดย พล.อ.ประยุทธ์ มิใช่ พล.อ.ประวิตร

เพราะ ผบ.ทบ.กลายเป็น “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท มิใช่ “บิ๊กแกละ” พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร

รวมทั้งแม่ทัพภาค 1 กลายเป็น พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มิใช่ พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา

ตอนที่มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายทหารเผยแพร่ออกมา เป็นช่วงที่กำลังจัดโผนายพลตำรวจกันอยู่พอดี

เป็นที่วิจารณ์กันในวงการสีกากีถึงทิศทางของการโยกย้ายทหาร ว่าบ่งบอกแนวโน้มของการโยกย้ายตำรวจอย่างชัดเจน

ลงเอยเมื่อบัญชีรายชื่อ 321 นายพลสีกากี ผ่านการอนุมัติของ ก.ตร. เมื่อวันที่ 28 กันยายน ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

สะท้อนให้เห็นได้จากการจัดทำโผย้ายตำรวจปีนี้ เงียบเชียบผิดธรรมชาติ ไม่มีข่าวเล็ดลอดออกมาเลย รวมทั้งทำเสร็จแบบม้วนเดียวจบ ตั้งแต่ พล.ต.อ.ลงมาถึง พล.ต.ต.

นั่นเพราะ ผู้ควบคุมกำกับการทำโผไม่ใช่คนเดิม ไม่ใช่บ้านเดิมอีกต่อไป

ขนาดรองนายกฯที่คุมตำรวจ และ ผบ.ตร.เอง ก็ได้เห็นบัญชีรายชื่อทั้งหมดในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการประชุม ก.ตร.

ความเป็นไปในหมู่ผู้กุมอำนาจขณะนี้ จึงมีลักษณะที่ คนหนึ่งกระชับอำนาจมากขึ้น รวมศูนย์อำนาจมากขึ้นในทุกๆ เรื่อง

อีกคนก็ยิ่งถอยออกจากอำนาจมากขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยเป็นไปอย่างยินยอม ไม่ได้ขัดแย้งแตกหักอะไร

ไม่ใช่เพียงเรื่องความมั่นคงเท่านั้น หากมองไปยังเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจ ก็มีลักษณะไม่ต่างกันนัก

รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เริ่มเสียงดังไม่เท่ากับรองนายกฯบางคนและรัฐมนตรีบางคนที่เป็นคนในเครื่องแบบ

นี่ก็เข้าทำนองเดียวกัน

แน่นอนว่าทิศทางของแกนนำ คสช.นั้น ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ลดละ ทั้งเป้าหมายเลือกตั้งปลายปี 2560 และการตั้งรัฐบาลในต้นปี 2561 ซึ่งคาดว่านายกฯต้องมาจากคนนอกค่อนข้างแน่

แต่เมื่อถึงวันนั้น เราจะยิ่งเห็นความโดดเด่นของคนหนึ่ง ขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มทิ้งระยะห่างออกไปเรื่อยๆ

ถึงเวลานั้นก็อาจเข้าทำนองยิ่งสูงยิ่งหนาวและยิ่งต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image