โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ : เมืองฉลาด

เมืองเดรสเดนเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงใหม่ๆ

เนื่องจากประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นด้วยการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของตนรอบทิศ และลามปามประกาศสงครามต่อประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจอยู่นอกทวีปยุโรปอีกด้วย ดังนั้น เยอรมนีจึงถูกรุมกินโต๊ะจากกลุ่มประเทศพันธมิตรอันมีสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสหภาพโซเวียต เป็นผู้นำโจมตีทั้งประเทศเยอรมนีด้วยปืนใหญ่ ปืนรถถัง และเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้าถล่มแทบทุกส่วนของประเทศเยอรมนี ทำความพินาศฉิบหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สินอย่างมหาศาล และถล่มสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจนแทบราบเป็นหน้ากลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งฝูงบินไปทิ้งระเบิดบรรดาเมืองต่างๆ ในเยอรมนีเริ่มตั้งแต่ใน พ.ศ.2485 ที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษระดมกำลังทางอากาศเข้าทำลายกองทัพอากาศของเยอรมนีและระดมทิ้งระเบิดทำลายเมืองต่างๆ เป็นงานมหกรรมรวมกันแล้วทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริการะดมทิ้งระเบิด รวม 2,778,540 ตัน ลงในเยอรมนี โดยใช้เที่ยวบินทิ้งระเบิด 1,445,280 เที่ยว และใช้เครื่องบินรบบินขึ้นเพื่อทำลายกองทัพอากาศเยอรมนีและคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิด จำนวน 2,686,799 เที่ยว การทิ้งระเบิดแบบปูพรมนี้เป็นการโจมตีที่สร้างความตื่นกลัวให้แก่ชาวเยอรมันส่วนใหญ่ และมีตัวเลขบ่งว่ามีประชาชนเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดราว 2 แสนคน

เมืองเดรสเดนสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

สัญลักษณ์ของการทิ้งระเบิดอย่างมหากาฬเหนือประเทศเยอรมนีที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก คือการทิ้งระเบิดถล่มเมืองเดรสเดนอันเป็นเมืองหลวงของรัฐแซกโซนีที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศเยอรมนี เมืองเดรสเดนเป็นเมืองที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลกที่มีสถาปัตยกรรมอันสง่างามและพิพิธภัณฑ์ในเมืองที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ใช่เมืองอุตสาหกรรมที่ผลิตอาวุธสงคราม พูดง่ายๆ ว่าเมืองเดรสเดนไม่ได้เป็นเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อเยอรมนี และไม่ได้เป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมใดๆ ทำให้การทิ้งระเบิดทำลายเมืองเดรสเดนของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจึงถูกติเตียนมากที่สุด เพราะมีชาวเมืองผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดมากกว่า 2 หมื่นคน ในเหตุการณ์ทิ้งระเบิดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2488 เดือนสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการโจมตีแบ่งออกเป็น 4 ระลอกใหญ่ๆ โดยมีเครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก 722 ลำ ของกองทัพอากาศอังกฤษ และเครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก 527 ลำ ของกองทัพอากาศทหารบกสหรัฐอมริกา ได้ทิ้งระเบิดแรงสูงมากกว่า 3,900 ตัน และระเบิดเพลิงก่อให้เกิดเพลิงไหม้ในตัวเมือง การทิ้งระเบิดครั้งนี้ก่อให้เกิดพายุเพลิง ทำลายบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างกินเนื้อที่มากกว่า 6.5 ตารางกิโลเมตรของส่วนกลางเมือง มีประชากรที่เสียชีวิตลงจำนวนประมาณ 22,700 คน ถึง 25,000 คน หลังจากนั้นกองทัพอากาศทหารบกสหรัฐอเมริกาโจมตีทิ้งระเบิดอีก 2 ครั้งในวันที่ 2 มีนาคม มุ่งเป้าหมายไปที่ลานจอดรถไฟของเมือง และในวันที่ 17 เมษายน มุ่งเป้าหมายไปที่เขตอุตสาหกรรม

เครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดที่มีพลังทำลายล้างสูง และอาวุธเพลิงที่เมืองเดรสเดน เพื่อบีบให้เยอรมนียอมแพ้ การทิ้งระเบิดเมืองนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้พลเมืองเยอรมันทั่วประเทศได้ชัดคือภาพถ่ายเมืองเดรสเดนที่เสียหายพังราบ และภาพซากศพเกลื่อนพื้นกับภาพก่อนหน้าการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองเดรสเดนที่มีผังเมืองอันสวยงามและเหล่าสถาปัตยกรรมอันสง่างาม

ครับ ! มีเมืองหนึ่งของเยอรมนีคือเมืองคอนสแตนซ์ ตั้งอยู่ในรัฐบาเดน-เวิร์ทเทมแบร์ก ที่เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ฝ่ายอังกฤษและสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตี เนื่องจากเมืองคอนสแตนซ์เป็นแหล่งที่ตั้งโรงงานผลิตอาวุธของกองทัพเยอรมันถึง 3 แห่งด้วยกัน โดยเมืองคอนสแตนซ์นี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีติดกับพรมแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย แต่ปรากฏว่าเมืองแห่งนี้กลับรอดพ้นจากการถูกทิ้งระเบิดอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาบินมาเพื่อที่จะถล่มเมืองคอนสแตนซ์นี้แล้ว แต่เป็นเพราะชาวเมืองคอนสแตนซ์ เปิดไฟสว่างไสวในตอนกลางคืนเท่านั้น ซึ่งโดยปกติหากเมืองใดจะถูกโจมตีจากเครื่องบินทิ้งระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืน เมืองนั้นจะต้องปิดไฟให้ทั่วทั้งเมือง เพื่อไม่ให้เครื่องบินทิ้งระเบิดสามารถมองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจน

Advertisement

แต่ในกรณีของชาวเมืองคอนสแตนซ์ที่พวกเขาต้องเปิดไฟในตอนกลางคืนก็เพื่อเป็นการลวงว่า เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ถือเป็นประเทศเป็นกลาง เพราะในสวิตเซอร์แลนด์ผู้คนยังคงใช้ชีวิตตามปกติในตอนกลางคืนโดยเปิดไฟสว่างไสว ซึ่งการลวงของชาวเมืองคอนสแตนซ์ประสบความสำเร็จ เครื่องบินทิ้งระเบิดของทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกาต่างก็เชื่อว่าเมืองที่พวกเขาบินผ่านไปคือเมืองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ตกลงเมืองคอนสแตนซ์ก็อยู่รอดปลอดภัยจากการถูกถล่มด้วยลูกระเบิดจากฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดตลอดสงครามจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ฉลาดจริงๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image