ผู้เขียน | ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ |
---|
เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ “โอไมครอน” ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เศษ ลุกลามออกไปในกว่า 90 ประเทศทั่วโลกแล้ว
ประเทศที่อาการหนักกว่าใครเพื่อน คือบรรดาประเทศที่พบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน หรือคลัสเตอร์ ขึ้นภายในประเทศ ไม่ใช่เชื้อนำเข้าจากคนที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด
อังกฤษเป็นตัวอย่างที่ดีของการเกิดคลัสเตอร์โอไมครอนขึ้นในประเทศแล้วก็ลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไฟไหม้ลามทุ่ง
จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง
อีกประเทศที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันก็คือ แคนาดา
ตอนนี้ โอไมครอนกำลังระบาดหนักอยู่ที่ออนแทรีโอ รัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของประเทศ คิดสัดส่วนเป็นราว 40 เปอร์เซ็นต์ ของคนทั้งแคนาดา
ในขณะที่ยอดติดเชื้อโควิดรวมต่อวัน เพิ่มขึ้นราว 75 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
สถานการณ์ของแคนาดา คล้ายๆ กับในสหรัฐอเมริกา กล่าวคือ เกิดการระบาดอย่างหนักของเชื้อเดลต้า ในขณะที่โอไมครอนก็กำลังปักหลักเริ่มต้นการระบาด
นักวิชาการกำลังกลัวกันว่า จะเกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนขึ้น คือ ในตัวคนหนึ่งๆ อาจมีทั้งเชื้อโอไมครอนและเชื้อเดลต้า อยู่ในตัวพร้อมๆ กัน
แพทย์หญิง ซาราลิน มาร์ค อดีตแพทย์ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นโฆษกของสมาคมแพทย์สตรีอเมริกัน ออกมายืนยันว่า คนเราสามารถติดเชื้อกลายพันธุ์ 2 ตัวพร้อมๆ กันได้
ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อาจติดเชื้อ 3 ตัวพร้อมๆ กันได้ แพทย์ทางระบาดวิทยาเรียกว่า “ไตรเฟคต้า”
ซาราลิน มาร์ค บอกว่า ไม่จำเป็นว่าการติดเชื้อกลายพันธุ์ 2 ตัวพร้อมกัน จะทำให้บุคคลนั้นๆ อาการหนักกว่าการติดเชื้อตัวเดียว เพราะเท่าที่จำได้ คนป่วยที่ติดเชื้อ 2 ตัวพร้อมกัน ก็ไม่ได้มีอาการหนัก บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าติดโควิด-19 เข้าให้แล้ว
แต่ที่กังวลกันมากก็คือ การติดเชื้อซ้ำซ้อน อาจไม่ได้เกิดจากเชื้อก่อโรคโควิดเพียงอย่างเดียว แต่อาจเหมาเอาเชื้อไวรัส (ตระกูลโคโรนาเหมือนกัน) ที่ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ หรืออินฟลูเอนซา เข้าไปด้วย
กล่าวคือ อาจติดเชื้อเดลต้า หรือโอไมครอน อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วติดเชื้อไข้หวัดใหญ่พร้อมๆ กัน หรือติดทั้งเชื้อเดลต้า แล้วก็เชื้อโอไมครอน แถมพกด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่เข้าไปอีกตัว
ตามข้อมูลเชิงระบาดวิทยา การติดเชื้อ 2 ตัว พร้อมๆ กัน อาจเกิดขึ้นคนละจุด คนละส่วนก็ได้
เมื่อปี 2020 เคยมีงานวิจัยของสถาบันระบาดวิทยาปิแอร์ หลุยส์ ในฝรั่งเศส ก็พบเชื้อก่อโรคโควิด-19 2 ตัวในผู้ป่วยรายเดียวกัน โดยเชื้อกลายพันธุ์ตัวหนึ่งระบาดอยู่ในช่องทางเดินหายใจตอนบน อีกตัวแพร่อยู่บริเวณช่องทางเดินหายใจตอนล่าง
แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็เมื่อเกิดการติดเชื้อในที่เดียวกัน เชื้อ 2 ชนิดเข้าสู่เซลล์ในร่างกายมนุษย์เซลล์เดียวกัน
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ การกลายพันธุ์ระลอกใหม่ ที่เกิดจากการหลอมรวมพันธุกรรมของไวรัส 2 ชนิด ยิ่งถ้าหากเป็นเดลต้า หรือโอไมครอน อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง รวมเข้ากับเชื้ออินฟลูเอนซา ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งอันตรายมากขึ้นอย่างใหญ่หลวง
ในทางวิชาการ เรียกกระบวนการนี้ว่า “ไวรัล รีคอมบิเนชั่น” (viral recombination) ซึ่งปรากฏขึ้นได้กับไวรัสแทบทุกชนิด ทุกสายพันธุ์ ไม่จำกัดเฉพาะไวรัสในตระกูลโคโรนาเท่านั้น
“ไตรเฟคต้าของไวรัส อาจสามารถสร้างความเสียหายให้กับปอดมากยิ่งขึ้น และทำให้ระบบสาธารณสุขลำบากมากขึ้นเพราะงานล้นมือ เพราะยอดป่วยหนักและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น”
ทุกคนยังจดจำสภาพคนไข้โควิดล้นโรงพยาบาล หรือต้องตายลงระหว่างรอเตียงว่าง ที่เคยเกิดขึ้นได้ดีและคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก
หนทางช่วยระบบสาธารณสุข และบุคลากรแถวหน้าของเราที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็คือ ฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วฉีดวัคซีนบูสเตอร์เมื่อถึงเวลา
ไม่ควรรอช้า เพราะโอไมครอนไม่เคยรอใคร!