ปีใหม่ การเมืองเก่า

สมหมาย ปาริจฉัตต์ : ปีใหม่ การเมืองเก่า

การเมืองปกตินับจากหลังเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะครบกำหนด 4 ปี วันที่ 22 มีนาคม 2566 การเลือกตั้งทั่วไปจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นภาคบังคับตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่อาจหลีกเลี่ยง ยึกยัก ยืดเยื้อ ได้อีกต่อไป

แตกต่างกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร 7 ปีแล้วยังโยกโย้ไม่ยอมหยุด สาเหตุหลักเพราะเป็นการเมืองอปกติ พิษจากรัฐประหาร คสช. 22 พฤษภาคม 2557

เมื่อความพยายามยกเลิกกฎหมาย คำสั่ง คสช.ที่ขัดหลักประชาธิปไตยไม่สำเร็จ ผู้คนที่เชื่อว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นทางออกของประเทศคงต้องรอคอยว่าเมื่อไหร่ผู้มีอำนาจจะตัดสินใจคืนอำนาจอธิปไตยให้เสียที

Advertisement

อีกเพียงสัปดาห์เดียวปีเก่าจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมา การเมืองระดับชาติ การเมืองปกติ กับการเมืองอปกติท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ยังคงผสมปนเปกันไป จะดำเนินต่ออย่างไร สถานการณ์น่าติดตามอย่างยิ่ง

เหตุเพราะมีการคาดการณ์จากหลายฝ่ายว่ารัฐบาลและรัฐสภาอาจจะอยู่ไม่ครบ 4 ปี ถึง 2566 เกิดยุบสภาในปีหน้า การเลือกตั้งทั่วไปอาจจะเกิดขึ้นก่อนก็เป็นได้ ใครจะรับประกันได้ว่าที่นายกรัฐมนตรีเอ่ยปากจัดกลางปีจะเป็นจริง

การเมืองระดับชาติที่ว่าเป็นการเมืองปกติก็ยังมีข้อโต้แย้งว่าไม่จริง เพราะอิทธิฤทธิ์ของบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้กระทำในการประชุมร่วมของรัฐสภายังดำรงอยู่อย่างหนักแน่น

Advertisement

แปลไทยเป็นไทยก็คือ วุฒิสมาชิกยังมีอำนาจพิเศษต่อไป

การเมืองปีใหม่ที่หวังว่าจะกลับคืนสู่ความปกติคงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีเงื่อนไขใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา หลังกุมภาพันธ์ 2565 เปิดสมัยประชุมสภา ฝ่ายค้านต้องเดินหน้าเต็มที่ ใส่เกียร์ถล่มรัฐบาลไม่หยุดยั้ง

จะเป็นเงื่อนไขให้การเมืองในสภาและนอกสภาร้อนแรงตั้งแต่ต้นปีเรื่อยไปจนถึงหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ไม่ราบรื่นแน่นอน

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยินยอมถอดใจพอแล้ว ขอหยุดทำหน้าที่ก็เถอะ แต่หากกองทัพ ฝ่ายความมั่นคงทั้งหลายแหล่ยังต้องการหาผู้นำคนใหม่เพื่อสืบทอดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต่อไป ความขัดแย้งช่วงชิงอำนาจจะดำเนินไปอย่างเข้มข้น และยิ่งเป็นเชื้ออย่างดีให้การเมืองบนท้องถนนมีความชอบธรรม คึกคัก เข้มข้นมากขึ้น

อ่านสถานการณ์ล่วงหน้าแล้วคงมองภาพได้ว่า การเมืองปีใหม่ปีขาล เสือคงไม่สงบเงียบราบคาบเป็นแมวเซื่องแน่ ความเคลื่อนไหวต่างๆ ย่อมส่งผลกระทบไปทั่วทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจและสังคม ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ด้านเศรษฐกิจ สำนักพยากรณ์ทั้งภาคราชการและเอกชนคาดว่าสถานการณ์ความเจริญเติบโต การขยายตัวจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 3-4% เพราะเครื่องจักรสำคัญ การส่งออก การท่องเที่ยว การค้าการขาย การลงทุนภาคเอกชน จะมาช่วยหนุนเครื่องจักรตัวเดียวเดิมคือการใช้จ่ายภาครัฐได้มากขึ้น

นั่นก็เป็นเพียงการคาดหมายหรือคาดหวัง ความเป็นจริงจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขรองรับที่สำคัญ คือการเมืองต้องกลับเข้าสู่ภาวะปกติด้วย

แต่เมื่อการเมืองยังไม่ปกติ เศรษฐกิจในภาพรวมอาจไม่เป็นไปตามคาดก็เป็นได้ อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจสากลระดับโลกไม่อำนวย

ในระดับเศรษฐกิจมหภาคอาจขยายตัวได้ดีกว่าที่ผ่านมา เป็นประโยชน์กับทุนใหญ่มากกว่า แต่ในระดับจุลภาคยังตรงกันข้าม

ภาวะค่าครองชีพ การดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน คนระดับกลางและล่าง ยังติดกับดัก จมปลักอยู่กับหนี้สินในระบบ นอกระบบ หนี้สินครัวเรือนมากมาย เป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ อยุติธรรมในระดับโครงสร้างที่ต้องการการแก้ไขอย่างถึงแก่น ภายใต้การเมืองปกติให้เร็วที่สุด

การยืดเยื้อ ไม่ยอมสละอำนาจ จัดการกับเงื่อนไขทางการเมืองคือบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 ให้จบสิ้นเสียก่อนเลือกตั้งทั่วไป จึงเป็นอุปสรรคสำคัญของการกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

สถานการณ์ปีหน้าจะคลี่คลายเร็วหรือช้า ค่อยๆ สงบราบรื่น เรียบร้อย หรือยิ่งรุนแรง ร้าวฉาว เดือดพล่าน

ล้วนเป็นบทบาทที่ตัวละครการเมือง ในสภา นอกสภา ต้องเก็บไปคิดว่าควรเล่นบทอย่างไร ถึงจะทำให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้า

พลเมือง ไพร่ ผู้ดี คนจน คนกำลังจะรวย จะได้อธิปไตยทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมกลับคืนมาอยู่ในมืออย่างแท้จริง

หากปล่อยให้สภาพเฉกเช่นคนเมืองชาว กทม.ยอมเป็นหัวหลัก หัวตอ ให้ผู้มีอำนาจข่มขืนใจ จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ วันไหนก็ได้ เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ

ปีใหม่ 2565 ก็แค่วันเวลาที่ผ่านไป ขวดใหม่แต่เหล้าเก่า เท่านั้นเอง

สมหมาย ปาริจฉัตต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image