แนวรบ การเมือง สนิม เกิดแต่เนื้อ ในตน กับ ความหงุดหงิด

ไม่ว่าบทสรุปจาก นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ไม่ว่าข้อเสนอจาก นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ต่อกรณี “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” และต่อกรณี “อโลฮา ฮาวาย”

คมเฉียบ ตรงเป้า

เห็นได้จาก นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ฟันธงตั้งแต่แรกที่เรื่อง “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” และเรื่อง “อโลฮา ฮาวาย” ปะทุและต่อเนื่องกันเหมือนกับเป็นลูกโซ่

“เกลือเป็นหนอน”

Advertisement

ทุกคนก็มองทะลุไปถึงบรรดาคนที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา คนที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา

ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน

ขณะเดียวกัน ทุกคนก็มองทะลุไปถึงบรรดาคนที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะเป็นทหารชาย ไม่ว่าจะเป็นทหารหญิง

Advertisement

เหมือนภาพจอกว้าง ตระการตา

ยิ่งเมื่อ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ โยนลูกให้เป็นบทบาทของ 1 สนช. และ 1 สปท.ในการทำความจริงให้เป็นที่ปรากฏ ในฐานะ “ตัวแทนปวงชน”

ยิ่งกระจ่าง “ประชาธิปไตย” ใสกระจ่าง

ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนบทสรุปอันปรากฏจากการวิเคราะห์ด้วยความจัดเจนของ “ทีมข่าวการเมือง” บนหน้า 3 ของไทยรัฐ

งานนี้เกินวิสัย “ฝ่ายตรงข้าม”

หรือลำพัง “คนนอก” จะเจาะทะลวง “กล่องดวงใจ” คสช.ได้ แต่มันต้องเป็นเกมโหดลึกของ “คนกันเอง”

“เกลือเป็นหนอน” ปล่อยออกมา “เจาะยาง”

เมื่อกระบวนการไม่ว่า “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” ไม่ว่า “อโลฮา ฮาวาย” เป็นเรื่องซึ่งแตกออกมาจากภายใน แตกออกมาจากคนใน

ผลก็คือ “สนช.” เงียบกริบ ผลก็คือ “สปท.” มิดอิมซิม

หากว่าเป็นกระบวนการของการเมืองตามปกติ เมื่อเรื่องอื้อฉาวอย่างนี้เกิดขึ้นกลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือ บรรดา ส.ส.ซึ่งเป็น “ผู้แทนปวงชน” ย่อมหยิบไปตั้ง “ญัตติ” หรือเสนอเป็น “กระทู้”

หากคำตอบจาก “รัฐบาล” ต้องการคำอธิบายจาก “ผู้บริหาร”

ความเงียบอย่างสงบไม่ว่าจะมองไปยัง สนช. ไม่ว่าจะมองไปยัง สปท.จึงสะท้อนความไม่ปกติในทางการเมือง

เป็นการเมืองในยุค “รัฐประหาร” เป็นการเมือง “เอบี-แอบนอร์มัล”

สามารถมองผ่านทั้งกรณี “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” สามารถมองผ่านทั้งกรณี “อโลฮา ฮาวาย”

คล้ายกับกรณีแรก เป้าหมายจะเป็นที่ “แม่ผ่องพรรณ” คล้ายกับกรณีหลังเป้าหมายจะเป็น “บิ๊กป้อม” และบุคคลบางคนภายในคณะ

อาจใช่

กระนั้น หากพิจารณาต่อลักษณะและความต่อเนื่อง สภาพการณ์จาก “แม่ผ่องพรรณพัฒนา” สภาพการณ์จาก “อโลฮา ฮาวาย” กลับมากยิ่งกว่านั้น

เพราะดำเนินไปในแบบที่เรียกว่า “แคนนอน”

ความหวาดเสียวเป็นอย่างมากสัมผัสได้จากความห่วงใยซึ่งปรากฏผ่าน “เมืองไทย 360 องศา” ภายใต้หัวข้อ

แรงสะท้อนจาก “ป้อมเหมาลำ” สะเทือนเรตติ้ง “บิ๊กตู่”

เป็นความหวาดเสียวจากการจับอุณหภูมิความรู้สึกซึ่งมาจากบรรดาคนที่เคยเชียร์รัฐประหาร เชียร์รัฐบาลและ คสช.

ตัวอย่าง 1 คือ นิติพงศ์ ห่อนาค ตัวอย่าง 1 คือ ชัย ราชวัตร

คำถามก็คือ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือและความสามารถในการปั่นและสร้างกระแสโดย “ฝ่ายตรงกันข้าม” โดย “คนนอก” อย่างนั้นหรือ

คำตอบเด่นชัดยิ่งว่า ไม่

คำตอบเด่นชัดยิ่งว่า ทั้งหมดนี้ล้วนดำเนินไปบนพื้นฐานแห่ง “เกลือเป็นหนอน” เป็นเรื่องของ “คนใน” ด้วยกันเองทั้งสิ้น

สนิมจึงเกิดแต่เนื้อในตน

อย่าได้แปลกใจไปเลยที่จะสังเกตได้ถึงอาการหงุดหงิด เคร่งเครียด จากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

เหมือนกับเป็นความหงุดหงิดต่อบรรดา “แม่หญิง” พากันนุ่งกระโจมอก อาบน้ำในที่สาธารณะแล้วโพสต์ลงเว็บไซต์ กลายเป็นข่าวอึกทึกไปทั่วโลก

ทั้งๆ ที่ความจริง หงุดหงิดใคร ฟังเสียง “ไก่ขัน” ย่อมอ่านออก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image