ฮาวาย-ฮ่องกง โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

กรณี “ฮาวาย” และกรณี “ฮ่องกง”

ไม่น่าเป็นเรื่องเดียวกันได้

แต่เมื่อ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม

ยกกรณี “ฮาวาย” เป็นเรื่องความมั่นคง

Advertisement

และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยกกรณี “ฮ่องกง” เป็นเรื่องความมั่นคง

ทั้งสองเรื่องจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ และขยายปริมลฑลเข้าหากัน อย่างไม่น่าเชื่อ

ทั้งที่หากทำให้เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดาๆ

Advertisement

ทั้ง 2 เหตุการณ์อาจจะไม่บานปลายใหญ่โตอย่างเป็นอยู่ขณะนี้ก็ได้

กล่าวคือ เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคณะที่ร่วมเดินทางไปกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ก็ใช้หลักธรรมดาแห่งยุคข่าวสาร เปิดเผยรายชื่อเสียเองตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะผ่อนคลายความอยากรู้อยากเห็นของสังคมลงได้มาก

และที่สำคัญสามารถอธิบายเองได้ตั้งแต่ต้นว่าใครไปหรือไม่ได้ไป ความกำกวมก็จะลดน้อยลง

แต่เมื่อยกชั้นเป็นความลับ แถมยังเป็นเรื่องระดับความมั่นคงเสียด้วย ก็เหมือนไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น

ที่สำคัญ ที่ว่าเป็นความลับ

เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่

เพราะแค่ชั่วข้ามวัน รายชื่อก็หลุดออกมาทั้งยวง

ทำไมเรื่องลับที่เกี่ยวกับความมั่นคง จึงหลวมและหลุดง่ายดายได้เพียงนี้

แถมยังไปตกหลุมตกบ่อ ที่เขาขุดล่อเอาไว้ จนต้องมายอมรับเรื่องพิธีกรหญิงช่อง 5 หลังจากเรื่องบานทะโรคไปแล้ว

และยังมีคนขยันเกินเหตุไป สั่งให้ถอดข้อมูลเรื่องส่วนตัวของเธอผู้นั้นออกจากเว็บไซต์ข่าวอีก

เรื่องความมั่นคง เลยกลายเป็นคำถามอันเจ็บปวด

“เป็นเรื่องความมั่นคง” ของใคร

สนุกแบบหึ่ง-หึ่ง กันไปทั้งสังคม เช่นเดียวกับ กรณี ฮ่องกง

พล.ต.อ.ศรีวราห์บอกเองว่า กรณี นายโจชัว หว่อง ไม่ได้เกี่ยวกับจีนที่ขอให้ไทยสั่งแบนก็ยิ่งน่าจะจัดการได้ง่าย

นั่นคือปล่อยให้เข้ามาพูด พูดในวงนิสิตนักศึกษาไม่กี่ร้อยคน ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรมาก

และเมื่อพิจารณาเนื้อหาที่นายโจชัว หว่อง พูด ขนาดถูกทางการไทยกักตัวเอาไว้ถึง 12 ชั่วโมงก่อนส่งกลับฮ่องกง

นายโจชัว หว่อง ยังโชว์ความเป็น “ผู้ใหญ่” เหนือผู้ใหญ่หลายคน ไม่ได้มีการกล่าวโจมตีรัฐบาลหรือ คสช.อย่างที่กลัวกัน

จึงไม่คุ้มค่า กับความเอิกเกริก ที่ทางการไทยปฏิบัติต่อเด็กรุ่นใหม่คนหนึ่งเลย

ภาพที่รัฐบาลและ คสช.ดูดีขึ้นในสายตาของต่างประเทศ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาโดยเฉพาะการทำประชามติรัฐธรรมนูญ

มาหม่นหมองลงเพราะกรณี นายโจชัว หว่อง อย่างน่าเสียดาย

แถมยังให้ภาพ การทำตัวเป็นเด็กดีของไทยต่อจีน

ซึ่งกรณีนี้ใครจะปฏิเสธว่าจีนไม่เกี่ยว ไม่จริง

ตรงนี้เอง ย่อมกระทบไปถึง ทัวร์คณะใหญ่ ที่ยกไปฮาวายด้วยไม่มากก็น้อย

เพราะสหรัฐย่อมมองออก ถึงการพยายามเล่นไพ่หลายใบของไทย

คือทั้งนอบน้อมต่อจีน และพยายามเป็นมหามิตรกับอเมริกา

หากจัดสมดุลดีๆ ก็คงไม่มีใครว่า

แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ “เนียนพอ”

ทำให้กรณี นายโจชัว หว่อง ประเมินได้ไม่ยากว่าสหรัฐจะเลือกข้างใคร

ฮ่องกงนั้นเปรียบดังก้างขวางคอจีน ยังไงสหรัฐก็ยืนข้างฮ่องกง ยืนข้างนายโจชัว หว่อง ที่เป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตย อยู่แล้ว

การที่รัฐบาลจากรัฐประหารปิดประตูใส่หน้าสัญลักษณ์สำคัญเช่นนี้ คงยากที่สหรัฐจะรับได้

งั้นที่ไทยหวังว่าจะเล่นไพ่หลายใบก็คงลำบาก

สรุปแล้ว ฮาวายก็เสีย ฮ่องกงก็เสีย ไม่คุ้มเลยจริงๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image