รู้ปัญหาคนกรุงเทพฯ จริงหรือจ๊ะ : โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

รู้ปัญหาคนกรุงเทพฯ จริงหรือจ๊ะ : โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

รู้ปัญหาคนกรุงเทพฯ จริงหรือจ๊ะ

แม้เป็นการเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียวในกรุงเทพมหานคร ไม่ได้หมายความว่า ผลการเลือกตั้งจะบ่งบอกถึงผู้ได้รับเลือกตั้งว่าเป็นของพรรคใด ทั้งไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนกรุงเทพฯ จะนิยมผู้สมัครที่ประกาศตัวออกมาแล้วว่าใครเป็นใคร สังกัดพรรคใด หรือมีพรรคการเมืองใดสนับสนุน

เพราะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะสังกัดพรรคการเมือง ไม่สังกัดพรรคการเมือง หรือมีพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองสนับสนุนหรือไม่ คนที่อาศัยและมีชื่อในทะเบียนบ้านกรุงเทพมหานครปัจจุบันย่อมตัดสินใจด้วยตัวเองว่าต้องการใครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

วันนี้มีผู้อาสาสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชาย 3 คน หญิงคนหนึ่ง แม้ยังไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้งว่าเป็นเมื่อไหร่ อาจสัปดาห์หน้า คือเดือนกุมภาพันธ์ ไม่น่าจะเกินไปกว่านี้

Advertisement

คำถามที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครพยายามตอบคือความต้องการของคนกรุงเทพฯ เช่นผู้จะสมัครเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อแห่งพรรคก้าวไกล ที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค บอกว่าตนอายุ 41 ปีแล้ว ยังไม่เห็นผู้ว่าฯ คนไหนที่พร้อมชนปัญหาเพื่อคนกรุงเทพฯ

“เราต้องการผู้ว่าฯ พร้อมบวก ไม่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม ต้องเป็นคนพิเศษ ไม่ใช่เป็นซุปเปอร์แมน ยอดมนุษย์ ต้องพร้อมประสาน พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพฯ ได้คัดสรรผู้สมัคร คุยกับหลายคน หลายอาชีพ หลายเพศ แต่ใครคนไหนที่คิดว่ามีดีเอ็นเอคนก้าวไกลชัดที่สุด และเชื่ออย่างสนิทใจว่าเอาประโยชน์คนกรุงเป็นที่ตั้ง วันนี้ตัดสินใจครั้งสำคัญ เอาเสาหลักของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่อนาคตใหม่ ดึงเสาหลักในสภา มาปักลง กทม. ทำงานให้คนกรุง …ขอเสียงปรบมือต้อนรับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล” หัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกถึงความต้องการของคนกรุงและทำไมจึงเลือกว่าที่ผู้สมัครรายนี้

เท็จจริงไม่ประจักษ์ พระพุทธเจ้าเอย ว่ารู้ปัญหาของคนกรุงเทพฯ และประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ

Advertisement

ทั้งไม่รู้ว่า นายวิโรจน์และพรรคก้าวไกลจะชนกับอะไรเพื่อคนกรุงเทพฯ และประโยชน์ที่แท้จริงของคนกรุงเทพฯ จะได้รับคืออะไร

ส่วนผู้จะลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร นายวิโรจน์ปราศรัยว่า คนตั้งคำถามทำไมต้องชนเรื่องส่วยกรุงเทพฯ ต้องชนและกำจัด ส่วยคือ “ปรสิต” คอยเซาะกร่อนบ่อนทำลายกัดกิน กทม. ถ้ากำจัดส่วยไปได้ กทม.หลายมิติจะดีขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

“ส่วยกัดกินรีดไถตั้งแต่ชาวบ้านตาดำๆ ไปจนถึงผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ ค่าน้ำร้อนน้ำชา หลักหมื่นล้านหลักแสนล้าน รวมๆ กันทั้งปีประเมินกันว่าขั้นต่ำสุด 5,000 ล้านบาท สูงสุดไปถึง 15,000 ล้านบาท งบ กทม.ปีละเป็นแสนล้าน ส่วยกรุงเทพฯ มีมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ไม่จำเป็นที่คนกรุงเทพฯ ต้องจ่าย ‘ค่าคุ้มครองชีพ’ ให้ใครอีก ใครมีหลักฐานให้ส่งมาจะลากคอมาลงโทษให้ดู และอีกหลายเรื่องที่ต้องชน อาทิ ระบบราชการส่วนกลาง หน่วยงานยั้วเยี้ยใน กทม. ฯลฯ…” นายวิโรจน์ตอบคำถามเรื่อง “ส่วย”

นายวิโรจน์ย้ำว่าต้องชนนายทุน ไม่ให้คนกรุงถูกสูบเลือดจากนายทุน เช่นค่ารถไฟฟ้าแพงกว่าสิงคโปร์ ฮ่องกง หมดเวลาที่เราต้องทน หมดเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรม ถึงเวลาต้องเลือกผู้ว่าฯ ที่พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพฯ ถ้าต้องการคนพร้อมชนทุกปัญหา ตนอาสาเป็นคนนั้น ได้เวลาเก็บกวาดแล้ว

ทุกคำถาม “ทำไม” คนกรุงเทพฯ ต้อง ฯลฯ ทั้งจะเป็นปัญหาต่อไปอีกหลายปีตราบเท่าที่ระบบราชการไทย เป็น “ปรสิต” เช่น กรณีของการจราจร ทางม้าลาย หลายหน่วยงานที่ “ยั้วเยี้ย” ดังว่า ไม่เฉพาะแต่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ตราบใดที่ยังปล่อยให้คนไทยทำผิดกฎหมายเห็นๆ เช่นรถไม่หยุดก่อนถึงทางม้าลาย ขณะคนลงบนทางม้าลายแล้ว กระทั่งต้องสูญเสียบุคลากรในหลายอาชีพคนแล้วคนเล่า

ตราบนั้น ประเทศไทยคงมี “ปรสิต” ฝังอยู่ในทุกตัวคน ไม่เพียงแต่พบในอาหาร เช่นแหนมเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image