ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
แม่น้ำเจ้าพระยา ได้ชื่อเจ้าพระยาจากชื่อชุมชนบริเวณปากน้ำว่าบางเจ้าพระยา ซึ่งได้ชื่อเจ้าพระยามาอีกทอดหนึ่งจากเทวรูป 2 องค์ พบใกล้ปากน้ำยุคต้นอยุธยา (หรือยุคก่อนนั้น) นานเข้าก็เรียกแม่น้ำทั้งสายว่า แม่น้ำเจ้าพระยา
เจ้าพระยา หมายถึงเทวรูป มี 2 องค์ คือ พระยาแสนตา กับ พระยาบาทสังขกร คำนี้แต่เดิมแปลว่า ผู้เป็นใหญ่ ใช้ในความหมายพระเจ้าแผ่นดินก็ได้ ต่อมาลดฐานะเป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนาง
[คำอธิบายนี้ปรับปรุงจากแนวคิดของ อ. ประภัสสร์ ชูวิเชียร (มหาวิทยาลัยศิลปากร) กับ อ. รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล (มหาวิทยาลัยรามคำแหง) น่าเชื่อถือกว่าที่ผมเคยอธิบายไว้ในหนังสือเล่มต่างๆ เมื่อนานมาแล้ว]
เทวรูป
เทวรูป 2 องค์ พบโดยบังเอิญในแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดี ราว พ.ศ. 2041 คราวชำระขุดลอกบริเวณคลองสำโรง (จ. สมุทรปราการ) แล้วสร้างศาลไว้เรียก ศาลพระประแดง (ประแดง กลายจากภาษาเขมรว่า กมรเตง ชื่อเรียกเทวรูป 2 องค์นั้น)
ต่อมาพระยาละแวกเชิญเศียรเทวรูป 2 องค์นี้ ไปเมืองละแวกในกัมพูชา ราว พ.ศ. 2112-2133 (ตรงกับต้นแผ่นดินพระมหาธรรมราชา) ทุกวันนี้จึงไม่มีในไทย และไม่มีรูป
แม่น้ำ
แม่น้ำ หมายถึงลำน้ำขนาดใหญ่หลวงที่สุดบริเวณบริเวณนั้นๆ
แม่ หมายถึง ผู้เป็นใหญ่, หัวหน้า
เป็นคำร่วม มีใช้ในเกือบทุกภาษาของคนเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในอุษาคเนย์ แล้วมีความหมายอย่างเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน
เมื่อจะเรียกสิ่งที่เป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า เป็นสำคัญ จึงมีคำนำหน้าว่าแม่ เช่น แม่น้ำ, แม่ทัพ, แม่เหล็ก ฯลฯ