ตู้หนังสือ : โยนีไบเบิล ประหวัดสยามพิมพการ

ตู้หนังสือ : โยนีไบเบิล ประหวัดสยามพิมพการ

ตู้หนังสือ : โยนีไบเบิล

ประหวัดสยามพิมพการ

หนังสือเล่มซึ่งผู้พิมพ์รักที่จะทำเผยแพร่ ด้วยใจประหวัดรำลึกถึงเส้นทางการพิมพ์ของคนรักหนังสือและคนเขียนหนังสือกับคนทำหนังสือ เกิดเป็น สยามพิมพการ ประวัติศาสตร์การพิมพ์ในประเทศ พิมพ์ครั้งที่ 2 ที่มี ขรรค์ชัย บุนปาน เป็นบรรณาธิการอำนวยการ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นบรรณาธิการ เล่มโตเกือบ 800 หน้า เย็บกี่ สันโค้ง ปกแข็ง เนื้อหาเข้มข้นน่าทึ่งด้วยการก้าวเดินสร้างเส้นทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มาถึงปัจจุบัน ผ่านเหตุการณ์ต้องจดจำนานา กลายเป็นหนังสือที่มีผู้สนใจเกินกว่าที่คิดขึ้นมาได้

Advertisement

ชนิดที่ประกาศแก่ผู้สั่งจอง 100 เล่มแรก จะได้รับหนังสือพร้อมลายเซ็น สองบรรณาธิการอำนวยการกับบรรณาธิการ กลายเป็นว่า จนวันนี้ยังต้องเซ็นหนังสือเกินจำนวนที่ประกาศไว้จนเมื่อยมือและนิ้วเป็นตะคริวไปตามกัน

เป็นความยินดีของบรรดาผู้ผลิตหนังสืออ่านเอาเรื่องด้วยกันทั้งสิ้น

Advertisement

จากประวัติการพิมพ์ที่เล่าเรื่องเทคโนโลยีการพิมพ์ ผ่านประวัติการหนังสือพิมพ์ในประเทศ ประวัตินิตยสาร ประวัติสำนักพิมพ์ในประเทศ

มาถึงบทวิเคราะห์ชาติไทยในสิ่งพิมพ์ ว่าด้วยบทบาทบุคคล สังคม ที่มีผลกระทบต่อการพิมพ์ยุคแรกเริ่ม การพิมพ์ในสังคมช่วงแรก โดยเฉพาะเมื่อเป็นกิจการที่อยู่ในมือชนชั้นสูง

จากนั้นจึงเป็นช่วง “ประพันธ์สาส์น” ถึง “มติชน” เส้นทางการเดินแต่แรกก่อตั้ง “ประชาชาติ” จนหยั่งรากแข็งแรงขึ้นเป็น “มติชน” และเครือข่ายปัจจุบัน

แล้วจึงเป็นภาคผนวกสำคัญ ด้วยรายชื่อหัวหนังสือพิมพ์ในประเทศ ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 7 พร้อมภาพถ่ายหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์ไทยสมัยต่างๆ จนตารางเปรียบเทียบเทคโนโลยีการพิมพ์ กับการพิมพ์ที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุดท้ายที่พลาดไม่ได้คือ นอกจากเนื้อหาสมบูรณ์แล้ว ยังมี “คำบอกเล่า” ใหม่ของบรรณาธิการสำหรับการพิมพ์หนังสืองดงามครั้งที่สองนี้ด้วย

ดังนั้น จึงไม่ต้องพะวงคุณภาพเนื้อหา รูปเล่ม เพราะโดยตัวตั้งตัวตีคือบรรณาธิการทั้งสองแล้ว หนังสือเล่มนี้มีอาจารย์ ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ปรามินทร์ เครือทอง นักค้นคว้ากับนักวิจัยอีกจำนวนหนึ่ง ศึกษารวบรวมข้อมูลเท็จจริงมาเสนออย่างละเอียดลออเต็มกำลังสามารถ

จึงเป็นหนังสืออ่านเอาเรื่องที่อ่านเพลินเล่มหนึ่ง

●จากบทเกริ่นนำของหนังสือน่าอ่านเล่มต่อไป “ศาสนาผีใต้เงื้อมเขาพระสุเมรุ เล่มนี้ ประกอบไปด้วยข้อเขียน 30 เรื่อง ที่ผม (ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ) เขียนลง มติชนสุดสัปดาห์ ระหว่าง พ.ศ.2558-2564 โดยมีประเด็นเนื้อหาเกี่ยวกับสี่หัวข้อหลักได้แก่

1.วัตถุที่สร้างขึ้นในความเชื่อของศาสนาผี ที่มักจะถูกนักโบราณคดีอธิบายผ่านความเชื่อในศาสนาพุทธ จนทำให้ความหมายคลาดเคลื่อนไปจากยุคแรกสร้างวัตถุเหล่านี้ เช่น หม้อสามขา กลองมโหระทึก หรือภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมบ้านเชียง เป็นต้น

2.พิธีกรรมในศาสนาผี ไม่ว่าจะเป็นพิธีการทำขวัญข้าว การลอยกระทงบูชาผีบรรพชน หรือการไหว้ครู เป็นต้น

3.สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาผี อย่างผีปะกำ ต้นไม้ใหญ่ และผีประจำเมือง

4.การกลืนกลายของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาผี ให้กลายเป็นพุทธ หรือพราหมณ์ ฮินดู เช่น ปราสาทพนมรุ้ง พระธาตุอินทร์แขวน พระธาตุศรีสองรัก พระแม่โพสพ หรือพระคเณศในฐานะที่เป็นครูช่าง”

ถึงวันนี้แล้ว คงต้องสำทับกันบ่อยๆ เรื่องพุทธไม่พุทธ เพราะพุทธพิธีกรรมเดี๋ยวนี้มากขึ้นจนไม่รู้จักแก่นพุทธศาสน์จริงๆ เสียแล้ว ว่าที่เชื่อกันปัจจุบันไม่น้อยนั้นคือพุทธ ผสมพราหมณ์ ผสมผี อ่านเพื่อเปิดหูเปิดตาไม่ละอายต่อพระพุทธองค์

นอกจากนี้ ยังมีบทความพิเศษ “ร่างทรง” ดึกดำบรรพ์ เข้าสิงด้วยขวัญในศาสนาผีของ สุจิตต์ วงษ์เทศ กับคำนิยมแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี – ว่างั้น ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้เสนอตัวสมัครผู้ว่าฯกทม.สมัยหน้าด้วย

หาอ่านได้ละก็ – เยี่ยม

●อีกเล่มที่น่าสนใจเนื่องจากเป็นทั้งปัญหาเชื้อชาติและการเมืองภายในมายาวนาน อาจย้อนประวัติศาสตร์ยุคใกล้ตั้งแต่ระบอบรัฐรวมศูนย์ กลับไปถึงประเทศราชสมัยอยุธยา นั่นคือ กลายเป็น-มลายู : บทสำรวจอัตลักษณ์ในรัฐไทยและการค้นหาความหมายแห่งตัวตน โดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ รวมบทความซึ่งพยายามเผยโลกซับซ้อนของความจริงเชิงประจักษ์ ซึ่งถูกอำพรางด้วยมายาคติของเชื้อชาติและศาสนา เพื่อนำมาพิจารณาใหม่ให้ถี่ถ้วน

การค้นคว้าทางมานุษยวิทยาในหนังสือเล่มนี้มุ่งที่ความเป็นมาของคนมลายู ข้ามรูปแบบอันหลากหลาย ขนาดของการคิด มิติของเวลา กับสถานะซึ่งสภาวะของสังคม วัฒนธรรม และการเมือง ที่เริ่มไม่สอดคล้องกับความจริง

เริ่มด้วย “พรมแดนความรู้” หนึ่งทศวรรษอันแตกกระจาย ทบทวนภูมิทัศน์ การศึกษาทางชาติพันธุ์ และความหลากหลายในสามจังหวัดภาคใต้ “อัตลักษณ์มลายู รัฐไทย และความรุนแรง” สัญลักษณ์ ร่างกาย และพิธีกรรม : รัฐไทยในความเป็นมลายู, ความรุนแรงในพื้นที่ทางโลกของมลายูมุสลิมในสามจังหวัดภาคใต้ “ศาสนา ความรู้สึก และความหลากหลาย” มานุษยวิทยาแนวอิสลาม, ผ้าคลุม : ผัสสะ และจินตนาการในสังคมมลายู, พหุนิยมอาณานิคมสู่พหุวัฒนธรรมนิยมหลังอาณานิคม บทสำรวจชาติพันธุ์และความเป็นพลเมืองในมาเลเซีย

อยากรู้ ต้องอยากเรียน

avepdf.com – Free Online PDF and Document Tools

●เรามีเพื่อนมุสลิมในประเทศมากมาย โดยเฉพาะเมื่อลงไปชายแดนด้ามขวาน ขณะเดียวกัน เราก็มีเพื่อนลูกจีนเยอะแยะเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะที่มากคือ แต้จิ๋ว แต่แจ๋ว ที่เขียนเล่าโดย สมชาย จิว เจ้าของห้องสนทนาโด่งดัง “เกร็ดก็เก่า เกย์ที่เล่าก็แก่” ที่หมั่นสรรหาสาระและบันเทิงเรื่องจีนต่างๆ นานามาเล่า

หนังสือเล่มนี้เล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี ของคนแต้จิ๋ว ทั้งที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ และที่เป็นจีนโพ้นทะเลในไทย รู้จักดินแดนที่เรียกว่าแต้จิ๋วซึ่งปัจจุบันเรียก “เฉาซ่าน” ไล่อดีตผ่านแต่ละราชวงศ์ลงมาถึงวันนี้ แล้วพานักอ่านลงเรืออั้งเถ่าจุ๊ง เรือสำเภาหัวแดง ที่ครั้งหนึ่งเป็นสินค้าส่งออกของสยาม แล้วรู้จักที่มาของคำว่า “หัวเฉียว” ที่มิใช่โรงพยาบาล จนกระทบไหล่เจ้าสัว

พบการสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างเครือข่าย หลังจากมาแบบเสื่อผืนหมอนใบ คุยกับกุลีจีน รู้จักตึ่งซัว ตึ่งนั้ง กากีนั้ง รู้จักโพยก๊วน ธุรกิจเชื่อมคนสองฝั่งระหว่างบ้านเกิดกับคนโพ้นทะเล ตามโรงงิ้วแต้จิ๋วจากจีนสู่สยาม ดูประเพณีแต้จิ๋วที่ไหว้เจ้าแทบจะทุกวัน อาหารแต้จิ๋วเลื่องชื่อ คนดังแต้จิ๋วในจีนและไทย ทั้งแม่ทัพที่สละชีพเพื่อชาติ จอหงวนหนุ่ม มหาเศรษฐีฮ่องกง ตลอดจนลูกจีนแต้จิ๋วผู้ยิ่งยงเช่นอาจารย์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตัวอย่างคนไทย ตัวอย่างไทยจีนมิใช่อื่นไกล

แล้วเพลิดเพลินกับสุภาษิต คำคมแต้จิ๋ว กับสำเนียงแต้จิ๋วที่เป็นเอกลักษณ์ ปิดท้ายด้วยเกร็ดจีนแต้จิ๋วที่เปี่ยมอรรถรส ประกันว่าอ่านสนุกตลอดเล่มแน่นอน

●เรื่องน่ารู้อีกเรื่องที่ก่อให้เกิดการล่าอาณานิคม จากการตามล่าหาอาหารของอังกฤษในโลกใหม่ กลายเป็นหนังสือ The Hungry Empire หรือ จักรวรรดิจอมเขมือบ ของ ลิซซี คอลลิงแฮม แปลโดย ไอริสา ชั้นศิริ เพื่อความเข้าใจว่า การหาอาหารนำไปสู่จุดสูงสุดของอำนาจได้อย่างไร

ไปดูลูกสาวหัวหน้าเผ่าแอฟริกาแบ่งสับปะรดแก่พ่อค้าทาส นักสำรวจในบริติชโคลัมเบียกินเนื้อกระต่ายกระป๋องจากออสเตรเลีย นักขุดเพชรในกิอานาเตรียมแกงอิกัวนา ฯลฯ 20 มื้ออาหารในหนังสือเล่มนี้ บอกวิธีสร้างเครือข่ายการค้าทั่วโลกของอังกฤษ กับการซื้อขายแลกเปลี่ยนอาหารที่เปลี่ยนผู้คนในโลก

ทำให้ผู้คนและพันธุ์พืชจากทวีปหนึ่งแพร่ไปสู่อีกทวีป เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และรสนิยมการกิน อังกฤษจึงเป็นคนกลืนกินโลกทั้งใบ จักรวรรดิอังกฤษสามารถควบคุมทรัพยากรอาหารโลก ตั้งแต่ปลาค็อด เนื้อเค็ม เครื่องเทศ ชา น้ำตาล ในศตวรรษที่ 20 แคนาดาหาข้าวสาลีทำขนมปังให้คนงาน นิวซีแลนด์ก็ส่งขาแกะจากที่ขุนในทุ่งหญ้าไปให้เป็นมื้อวันอาทิตย์ เป็นต้น

หนังสือเล่มนี้ให้ภาพจักรวรรดิซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตามหาอาหารจนถึงจุดสุดยอดของอำนาจได้ การหาอาหารและชาติอาณานิคมสร้างนิสัยการกินในยุคสมัยใหม่แก่อังกฤษได้อย่างไร เป็นหนังสือความรู้ที่อ่านเพลินเหมือนนิยาย กับ 4 ภาคที่มีเกือบ 20 เรื่องการกินแสนสนุกที่นึกไม่ถึงว่าเปลี่ยนแปลงโลกได้

●พุทธบริษัทสามบ้านเรา ดูจะไม่สนใจ หรือไม่ให้ความสำคัญกับพุทธบริษัทสี่ หรือกับพระภิกษุณีไปแล้ว เห็นสตรีเพียงเป็นชีก็ดูแค่เป็นชีอยู่อย่างนั้น หากสตรีจะบวชเป็นภิกษุณีก็บวชมาจากพุทธปฐพีอื่น ทั้งที่พระภิกษุณีแต่ครั้งพุทธกาลก็ปรากฏเป็นแบบให้เรียนรู้อยู่กระทั่งปัจจุบัน ว่าบำเพ็ญธรรมเป็นพระอรหันต์ได้เช่นเดียวกับภิกษุ

40 ภิกษุณีพระอรหันต์ : พุทธสาวิกาในสมัยพุทธกาล เขียนโดย ปัญญา ใช้บางยาง และคณะ ให้ภาพ ประวัติ และคำสอนจากพุทธสาวิกาเหล่านั้น

เพื่อเราจะได้รู้ได้เข้าใจ ในวิถีกรรม วิถีชีวิต และวิถีธรรมของบรรดาพระภิกษุณีทั้งหลาย ให้เกิดศรัทธา เลื่อมใส ในความคิดความเห็นของพระอรหันต์เหล่านั้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเพียร พยายาม ที่จะประพฤติกุศลกรรมขึ้นบ้างได้ ทั้งอาจเป็นผู้ใคร่ในการศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกและพระอรรถกถาขึ้นมา

ใน 40 รูปนั้นก็มี เช่น พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ผู้เลิศทางรัตตัญญู, พระเขมาเถรี ผู้เลิศทางปัญญา, พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศทางฤทธิ์, พระปฏาจาราเถรี ผู้เลิศทางพระวินัย, พระธรรมทินนาเถรี ผู้เลิศทางธรรมกถึก, พระนันทาเถรี ผู้เลิศทางยินดีในฌาณ, พระโสณาเถรี ผู้เลิศทางปรารภความเพียร, พระสกุลาเถรี ผู้เลิศทางทิพยจักขุ, พระภัททากุณฑลเทสาเถรี ผู้เลิศทางตรัสรู้เร็ว, พระภัททกาปิลานีเถรี ผู้เลิศทางระลึกชาติ ฯลฯ เป็นเพียงตัวอย่างให้ใคร่รู้ต่อพระอรหันต์องค์อื่นๆ

สาธุ – ต่อบรรดาผู้เพียรศึกษาธรรม

●หนังสือพิสดารอีกเล่มที่ต้องอ่าน เพราะแม้มนุษย์จะวิวัฒนาการชาติพันธุ์มายาวนานนับล้านปี แต่เรื่อง “โยนี” ยังรู้และเข้าใจกันไม่หมด ทั้งโดยความรู้ตรงตัว และมายาคติที่ยังเชื่อ คิด ติด ยึด หลงอยู่นานัปการที่ต้องทุบกะลาเข้าไปบอก

The Vagina Bible ไบเบิลของโยนี – เดอะ แวไจนา ไบเบิล – ของดอกเตอร์ เจน กันเทอร์ เล่มนี้ที่พากย์ไทยโดย นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ เป็น คัมภีร์โยนี มีหมอ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นบรรณาธิการ จึงเป็นตำรับความจริงยุคใหม่ที่ต้องรู้เกี่ยวกับโยนีและช่องโยนีกันให้กระจ่างเสียที

จริงหรือ ขนหัวหน่าวไม่สำคัญ กินน้ำตาลแล้วติดเชื้อยีสต์ ช่องโยนีจะปิดตายถ้าไม่มีเซ็กซ์ เกิดสูตรลับดูแลโยนีและช่องโยนี ฯลฯ สารพันข้อสงสัย สารพัดโฆษณาชวนเชื่อ สาละวนกับข้อมูลผิดพลาดสับสน ทั้งในยุคคลิกเบต ยุควิทยาศาสตร์เทียม และยุคคนดังเป็น “พรีเซ็นเตอร์” ขายสินค้าบำรุงโยนีช่องโยนี

หนังสือเล่มนี้จะตอบคำถามด้วยความรู้จริง เกี่ยวกับไมโครไปโอมช่องโยนี ความเปลี่ยนแปลงของโยนี ขณะตั้งครรภ์ หลังคลอด กับวัยหมดประจำเดือน โยนีของหญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ อาหารกับสุขภาพช่องโยนี เสริมสวยเสริมสาวโยนี ปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากแพทย์มองข้ามร่างกายสตรี มายาคติเรื่องจุดสุดยอด เรื่อง จี สปอต และความยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานของคลิตอริส ฯลฯ สาระล้นเล่ม

จะเป็นหญิงวัย 26 ที่กำลังเครียดเรื่องแคมเล็กไม่สวย หญิงสูงอายุวัย 66 ปี ที่เครียดเรื่องเจ็บโยนีเพราะมีเซ็กซ์ อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้กระจ่างว่าต้องกังวลหรือไม่ต้องกังวลเรื่องใด เพราะเป็นแหล่งข้อมูลที่ถูกแท้สำหรับสตรีทุกคนทุกวัย

หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดูสารบัญแล้วต้องรีบหามาอ่านทันที

●ปิดท้ายประจำสัปดาห์ด้วยเรื่องสุขภาพ เคล็ดลับอายุยืนจากลำไส้ที่หมอไม่เคยบอก หนังสือขายดีอันดับหนึ่งจากเยอรมันโดย จูเลีย เอนเดอร์ส

อวัยวะสำคัญไม่แพ้หัวใจซึ่งถูกมองข้ามไปมากที่สุด ทั้งที่เป็นอวัยวะซึ่งชี้เป็นชี้ตายมากที่สุดส่วนหนึ่งในร่างกาย ไม่ยิ่งหย่อนกว่าหัวใจ สมอง หรือปอด

ผู้เขียนซึ่งเชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร จะเล่าเรื่องน่าทึ่งภายในลำไส้ และอวัยวะส่วนอื่นที่เชื่อมโยงกัน ไม่ว่าปาก ระบบภูมิคุ้มกัน หรือสมอง พร้อมเคล็ดลับสุขภาพดีที่คาดไม่ถึง ตัวอย่างเช่น นั่งขับถ่ายท่าไหนที่ทำให้ท้องผูก, รู้ไหมว่าลำไส้ก็มีสมองของตัวเอง, การไม่ดูแลลำไส้อาจส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้า, อย่ากลับไปทำงานทันทีหลังกินข้าวเสร็จ, เสียงท้องร้องไม่ได้มาจากกระเพาะอาหาร และมิใช่เพราะหิว, แบคทีเรียในลำไส้อาจเป็นตัวทำให้อ้วนทั้งที่กินน้อย

ดูรายละเอียดของเรื่องแล้วสำคัญจริงๆ ท่าจะต้องหามาเรียนรู้ด้วยแล้ว

●ไม่ได้ล่มแค่ในสภา บ้านเมืองก็ทำท่าจะล่ม ส่วนชาวบ้านนั้นล่มล้มไปก่อนหน้านี้นานแล้ว กระทั่งเสียชีวิตไปจนทุกวันนี้กว่าสองหมื่นก็แทบไม่มีการรายงานรายละเอียดเช่นตอนเสียชีวิตรายแรกๆ นอกจากจำนวนผู้เสียชีวิต

แต่รัฐบาลยังไม่ยอมล่ม

บรรณาลักษณ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image