ความจริงรัสเซียกับยูเครนต่างก็เป็น กลุ่มชาติพันธุ์สลาฟตะวันออกด้วยกันแท้ๆ

สถานการณ์ปัจจุบันที่รัสเซียพร้อมที่จะบุกเข้ายูเครนทุกเมื่อ

กลุ่มชาติพันธุ์ (ethnic group) หมายถึง กลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน มีผลให้สมาชิกกลุ่มมีวัฒนธรรม ประเพณี บรรทัดฐาน ภาษา และความเชื่อในแนวเดียวกัน อัตลักษณ์เหล่านี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่ง ชาวสลาฟ (Slavs) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อินโด-ยูโรเปียน และสาขาภาษาของตระกูลที่ตั้งถิ่นฐานส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณทางตะวันออก และตอนกลางของทวีปยุโรป และชาวสลาฟก็เริ่มอพยพย้ายถิ่นแผ่ขยายไปจากที่ตั้งถิ่นฐานเดิมไปจนถึงทางตะวันออกสุดของยุโรปกลาง, ยุโรปตะวันออก และคาบสมุทรบอลข่านบางกลุ่มก็ไปถึงไซบีเรียและเอเชียกลาง แบบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของอาณาบริเวณในทวีปยุโรปเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของคนที่พูดภาษาสลาฟ ชาวสลาฟ จึงเป็นชนผิวขาวที่เรียกว่า อินโดอารยัน กลุ่มใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป อาศัยอยู่ในยุโรปตอนกลาง และยุโรปตะวันออก ในปัจจุบันชาว
สลาฟแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

กลุ่มประเทศสลาฟ 3 กลุ่มคือสลาฟตะวันออก, สลาฟตะวันตกและสลาฟใต้

1) สลาฟตะวันตก ได้แก่ ชาวสลาฟที่อาศัยอยู่ในประเทศโปแลนด์, เช็ก และสโลวัก

2) สลาฟตะวันออก คือ พวกรัสเซีย, ยูเครน และไบโลรัส

3) สลาฟใต้ ได้แก่ พวกเซิร์บ, สโลวีน, โครแอต, บอสเนียน, มาซิโดเนีย, บัลแกเรีย และมอนเตรเนโกร

Advertisement

ชาวสลาฟส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ โดยได้รับอิทธิพลมาจากจักรวรรดิ ไบแซนไทน์ อันได้แก่ รัสเซีย, ไบโลรัส, ยูเครน, เซิร์บ, มาซิโดเนีย, บัลแกเรีย และมอนเตรเนโกร ส่วนชาวสลาฟตะวันตกส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ชาวสลาฟคาทอลิก ได้แก่ โครแอต, เช็ก, สโลวัก และสโลวีน

ส่วนศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับสองในหมู่ชาวสลาฟรองจากศาสนาคริสต์ คือ อิสลาม ชาวสลาฟมุสลิม ได้แก่ พวกบอสเนีย, บัลแกเรียมุสลิม และมาซิโดเนียมุสลิม

ชาวสลาฟตะวันออกเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งรกรากในรัสเซียบริเวณแม่น้ำนีเปอร์ และแม่น้ำ
วอลกาทางตอนใต้ของประเทศ มีเมืองสำคัญชื่อเมืองเคียฟ ส่วนทางตอนเหนือชนเผ่าไวกิ้งที่รู้จักกันในนาม
วารันเจียน ได้ตั้งถิ่นฐานบริเวณแม่น้ำเนวา และทะเลสาบลาโดกา ทำการติดต่อค้าขายกับชาวสลาฟ แต่แล้วใน พ.ศ.1423 กษัตริย์รูลิตแห่งวารันเจียนได้เข้ามายึดเมืองเคียฟ ของชาวสลาฟ และตั้งเคียฟเป็นเมืองหลวง โดยผนวกดินแดนทางเหนือกับใต้เข้าด้วยกันแล้วขนานนามว่า เคียฟรุส (ปัจจุบันนี้เมืองเคียฟ คือ เมืองหลวงของประเทศยูเครน) ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์รัสเซีย

Advertisement

ต่อมาได้มีการนำศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ จากจักรวรรดิไบแซนไทน์เข้าสู่เคียฟรุส ซึ่งต่อมามีบทบาทและอิทธิพลอย่างสูงต่อศิลปะ สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของประเทศ โดยมีกรุงเคียฟเป็นนครหลวง ศูนย์รวมของอำนาจกษัตริย์ และเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ ในขณะที่ชาวเสลาฟตะวันออกก็ได้ขยายตัวไปก่อตั้งเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง อาทิ มีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ริมแม่น้ำมอสควา เมื่อ พ.ศ.1690 ชื่อว่า “มอสโก” ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นเมืองหลวงของรัสเซียมาจนถึงปัจจุบันนี้

ใน พ.ศ.1712 กองทัพมองโกลได้เข้าทำลายกรุงเคียฟอย่างราบคาบ หลังจากนั้นรัสเซียก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยถูกควบคุมทางการเมือง การปกครอง และยังต้องจ่ายภาษีให้กับชาวมองโกล โดยมีพระเจ้าอีวานที่ 1 แห่งเมืองมอสโก ทำหน้าที่เก็บส่วย และเครื่องบรรณาการ เพื่อส่งให้แก่ชาวมองโกล และซ่องสุมกำลังเตรียมการปลดแอกจากมองโกล จนกระทั่ง เจ้าชายดมิตรี ลูกชายของพระเจ้าอีวานที่ 2 สามารถขับไล่มองโกลได้สำเร็จใน พ.ศ.1923 (ตรงกับสมัยพระบรมราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา) แต่อีกเพียง 2 ปีต่อมากองทัพมองโกลก็กลับมาทำลายกรุงมอสโกอีกทำให้ รัสเซียต้องเป็นเมืองขึ้นของมองโกลอีกครั้งหนึ่ง

จนอีก 98 ปีต่อมาใน พ.ศ.2023 (ตรงกับสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา) พระเจ้าอีวานที่ 3 หรือพระเจ้าอีวานมหาราช ได้ขับไล่กองทัพมองโกลออกจากรัสเซียจนหมดสิ้น ปิดฉากสองศตวรรษภายใต้การปกครองของมองโกล และสร้างกรุงมอสโกเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรรัสเซียตั้งแต่นั้นมา

ครับ! เท่าที่เล่าประวัติศาสตร์มาเสียยืดยาวก็เพื่อจะสมมุติเปรียบเทียบเล่นๆ ว่าการที่รัสเซียจะบุกยูเครนก็คงเหมือนประเทศไทยจะบุกประเทศลาวนั่นแหละครับ

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image