การบรรยายของ แจ๊ก หม่า (Jack Ma) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) เมื่อ 11 ตุลาคม 2559 ในหัวข้อ “Entrepreneurship and Inclusive Globalization” ต่อผู้นำและตัวแทน 34 ชาติสมาชิก ACD และผู้ประกอบการรุ่นใหม่
แจ๊ก หม่า ระบุว่า “รัฐบาลประเทศเอเชียทั้งหลาย ต้องออกนโยบายที่ชัดเจนและเจาะจงในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ต้องเน้นการเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวที่อายุน้อยกว่า 30 ปีเข้ามาทำธุรกิจ
เอเชียมีโอกาสในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเชื่อว่าอีก 20 ปี จะขยายตัวได้อีกมาก โอกาสมาจากการเป็นตลาดที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือที่ขยายตัวสูงที่สุด และถ้ารัฐบาลเอเชียสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านธุรกิจรายย่อย จะทำให้เศรษฐกิจโตเร็วมาก และเติบโตได้ดีที่สุด เพราะในเอเชียมีคนใช้โทรศัพท์เพื่อการซื้อขายราว 4,000 ล้านคน
การจะเชื่อมต่ออนาคตของเอเชีย จะต้องทำให้ทุกประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน ถึงเวลาแล้วที่เอเชียจะร่วมต่อสู้กับตะวันตก ไม่ใช่ต่อสู้กันเอง และไม่ว่าจะเป็นประเทศเล็กแค่ไหน หากเปิดรับเทคโนโลยี ปรับตัวเข้ากับโลกาภิวัตน์ ก็สามารถโตเป็นมหาอำนาจได้
ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องปรับระบบการศึกษา ไม่ใช่เพื่อการเรียนรู้ แต่เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งเสริมจินตนาการ ยืนยันว่าเทคโนโลยีไม่ได้เป็นส่วนแย่งงานมนุษย์ ที่ผ่านมาอาลีบาบาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสร้างงานได้หลายหมื่นงานในจีน”
แจ๊ก หม่า ยังกระตุ้นให้ธุรกิจขนาดใหญ่ร่วมลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งจะเป็นอนาคตของเอเชียยุคใหม่
สิ่งที่แจ็ค หม่า บรรยายในวันนั้น เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของ SMEs และคนรุ่นใหม่ที่ภาครัฐต้องเร่งสร้างโอกาสและส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้เป็นฐานของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศต่อไป โดยเฉพาะการส่งเสริมและพัฒนากิจการเกิดใหม่ประเภท Start Up ที่ต้องใช้เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ในการสร้างตัวและดำเนินกิจการที่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด
ดังนั้น การแข่งขันของธุรกิจอุตสาห กรรมต่อจากนี้ไป คงไม่ใช่วัดกันที่ใครไวกว่าใครอีกแล้ว แต่อยู่ที่ใครจะไปได้ไกลกว่าและยั่งยืนมากกว่ากัน ครับผม !
