ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
ที่เห็นและเป็นไป : ผู้ที่ควรได้รับ‘เกียรติ’
ฟังอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาที่ว่าด้วยการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.การเลือกตั้งที่ต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้วให้เปลี่ยนวิธีกาบัตรเลือกตั้งของประชาชน จากเดิมให้กาเลือกใบเดียวแล้วเอาคะแนนมาคำนวณทั้งในส่วนของ ส.ส.เขตพื้นที่ และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มาเป็นแยกบัตรเลือกตั้งออกจากกันเป็น 2 ใบ คือเลือก ส.ส.เขตใบหนึ่ง แล้วอีกใบหนึ่งเลือกพรรคเพื่อเอามาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
วิธีการไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไร หัวใจก็มีแค่นี้ แต่ที่พูดกันน้ำไหลไฟดับในรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.และ ส.ว.คือเชื่อมั่นการตัดสินใจของประชาชน หรือไม่เชื่อมั่น
ส.ส.ฟากรัฐบาลส่วนหนึ่งดูจะประสานเสียงกับ ส.ว.ที่ทั้งหมดมาจากการแต่งตั้ง มีความเห็นไปในทางไม่ไว้วางใจว่าประชาชนจะเลือกผู้แทนได้อย่างถูกต้อง คือให้ได้คนที่มีคุณภาพมาพัฒนาการเมือง และมีความรู้ความสามารถอย่างเป็นความหวังในการบริหารจัดการประเทศได้
นักการเมืองกลุ่มนี้ ขาดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเลือกของประชาชน เชื่อเหมือนกับที่คิดเอาเองมาตลอดว่ามีกลุ่มที่เหนือกว่าดีกว่าประชาชนทั่วไปที่สมควรจะให้เป็นผู้ตัดสินใจสรรหาคนที่จะมาเป็นนักการเมือง
ขณะที่นักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกร้องให้พัฒนาการเมืองจากความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของประชาชน ขอให้พัฒนาคุณภาพการเมืองไปพร้อมๆ กับการให้เกียรติในอำนาจของประชาชน
เรื่องที่พูดกันอยู่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานมนานในเส้นทางประชาธิปไตยอันขรุขระและแสนทุลักทุเลของประเทศไทยเรา มีถูกบังคับให้เปิดทางให้คนที่ไม่ให้เกียรติประชาชนเข้ามาควบคุมการบริหารประเทศอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เพราะเป็นเรื่องเก่านี่เอง จึงเป็นเรื่องประหลาดไม่น้อยที่ถึงวันนี้ข้อถกเถียงว่าการพัฒาการเมืองโดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือก กับการให้คนกลุ่มหนึ่งที่สถาปนาว่าตัวเองเก่งกว่าดีกว่าเข้ามาควบคุมการพัฒนาการเมือง ออกแบบประชาธิปไตยที่พิลึกพิลั่นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่เลิกรา
ทั้งที่หากรู้จักทบทวนประวัติศาสตร์กันให้ดี อย่างมีอนาคตที่ดีของประเทศเป็นเป้าหมาย เราควรจะเลิกถกเถียงกันถึงปัญหานี้ได้แล้ว เพราะประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัยได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า “การเมืองที่ควบคุมด้วยกลุ่มคนที่หมิ่นแคลนประชาชน” นั้นนำความสิ้นหวังมาให้ประเทศชาติตลอด เพราะคนเหล่านี้ถึงที่สุดแล้วขาดความสามารถที่จะเข้าใจความต้องการของประชาชน อันเป็นหัวใจของการบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จ
นักการเมืองที่เข้ามาด้วยวิธีพิเศษในทรรศนะที่หมิ่นแคลนประชาชนนั้น รังแต่จะหาทางออกให้ตัวเองด้วยการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุน เพื่ออาศัยให้ช่วยสนับสนุนการดำรงอยู่ในอำนาจ
นำประเทศสู่การผูกขาด และเอื้อผลประโยชน์ให้คนบางกลุ่มบางพวก โดยมีชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่เป็นเหยื่อให้กลุ่มคนที่เหนือกว่าดูดกินสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืนให้กับตัวเองและพวกพ้อง
ประหลาดตรงนี้ เราเป็นประเทศที่ไม่เคยทบทวนปรากฏการณ์แบบนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกมาอย่างยาวนาน
รัฐสภาที่ควรจะเป็นเวทีที่จะต่อสู้เพื่อเกียรติของประชาชน กลับเป็นเวทีที่ปล่อยให้พวกหมิ่นแคลนประชาชนมาพล่ามถึงความจำเป็นที่การเมืองการปกครองจะต้องมีคนจำพวกเขาเข้ามายึดครองบทบาทการบริหารจัดการประเทศ
แถมยังลอยหน้าเรียกร้องให้ประชาชนให้เกียรติ ทั้งที่ไม่เคยกระทำในเรื่องราวที่สมควรมอบเกียรติให้