หลักการ บริหาร อันทรง “พลานุภาพ” บริหาร ความจริง

ไม่ว่าจะเป็นแถลงอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นแถลงอันมาจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

มีความแจ่มชัด

เป็นความแจ่มชัดบนพื้นฐานแห่ง 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 1 กฎมนเทียรบาล และ 1 โบราณราชนิติ ประเพณี

จึงเหมือนกับ “แสง” อันสาดฉายไปใน “ความมืด”

Advertisement

บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงสำคัญ ไม่ว่าจะมองไปยังสถานะแห่ง “นายกรัฐมนตรี” ไม่ว่าจะมองไปยังสถานะแห่ง “หัวหน้า คสช.”

เป็นที่พึ่งได้ในช่วงของ “การเปลี่ยนผ่าน”

บทบาทของ นายวิษณุ เครืองาม จึงสำคัญ ไม่ว่าจะมองไปยังสถานะแห่ง “รองนายกรัฐมนตรี” ไม่ว่าจะมองไปยังสถานะแห่งความเป็น “นักกฎหมาย”

Advertisement

เป็นที่พึ่งได้ในช่วงของ “การเปลี่ยนผ่าน”

การปรากฏตัวและอธิบายผ่านสถานีโทรทัศน์ “รวมการเฉพาะกิจ” จึงดำเนินไปอย่างเหมาะสม นับแต่วันที่ 13 ตุลาคม เป็นต้นมา

“ความแจ่มชัด” คือ “เครื่องมือ” อันทรงพลัง

ถามว่าเหตุใดจึงเกิดสภาวะอย่างที่เรียกว่าผันผวนและปรวนแปรในห้วงก่อนแถลงการณ์ในตอนค่ำของวันที่ 13 ตุลาคม

คำตอบ คือ ความ “ไม่” แจ่มชัด

เห็นได้ชัดจาก “ข่าวลือ” อันปลิวว่อนผ่าน “โซเชียลมีเดีย” และที่สะท้อนรูปธรรมอย่างแตะต้องสัมผัสได้ คือ ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เป็นเรื่องของ “ความตื่นตระหนก”

เมื่อดัชนีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ดำเนินไปอย่างขึ้นๆ ลงๆ ตามกระแสข่าวลือและความต้องการในการฉวยโอกาสของนักปั่นหุ้นบางคน บางพวก บางฝ่าย ผลสะเทื้อนย่อมตกกระทบไปยังค่าเงินบาทโดยอัตโนมัติ

นี่คือ “ปฏิกิริยา” อันเรียกว่า “บัตเตอร์ฟลาย เอฟเฟ็กต์”

และพลันที่ “ความแจ่มชัด” เริ่มเข้าไปดำรงอยู่บนพื้นที่ของความ “ไม่” แจ่มชัด สภาวะแห่งความตื่นตระหนกก็ค่อยๆ มลายหายไป

เพราะว่า “ความตื่นตัว” ได้เข้ามาแทนที่

ความตื่นตัวคือสภาพในทางความคิด สภาพในทางความรู้สึกซึ่งมี “สติ” กำกับและควบคุม ทำให้ทุกอย่างอันเคยตึงเครียดค่อยๆ คลายลง

แล้ว “ปกติภาพ” ก็เข้ามาอยู่ในฐานะ “ครอบงำ”

แท้จริงแล้ว ประชาชนไม่ว่าจะเป็นศาสนิกชนสังกัดศาสนาใด พุทธ คริสต์ อิสลาม ล้วนมีความเข้าใจต่อสภาพและสถานการณ์โดยพื้นฐาน

ล้วนเปิดใจ “กว้าง” ที่จะยอมรับ

ยิ่งมี “คำอธิบาย” ด้วยเหตุผล และอิงอยู่กับ “หลักการ” ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นกฎมนเทียรบาล ไม่ว่าจะเป็นโบราณราชนิติ ประเพณี

ต่างก็พร้อม

ยิ่งเมื่อเป็นการแถลงในจังหวะเวลาอัน

เหมาะสมจาก “นายกรัฐมนตรี” หรือจาก “รองนายกรัฐมนตรี” ที่เป็นมือกฎหมาย

ยิ่งมากด้วย “ประสิทธิผล” ในทาง “ความคิด”

แม้จะมีความเศร้าอาดูรอย่างยิ่งต่อการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในพระบรมโกศ แต่ก็พร้อมถวายความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่

รวมถึงการดำรงอยู่ของ “ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”

ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสถานการณ์อันเรียกว่าเป็น “ระยะเปลี่ยนผ่าน” จากสถานการณ์ 1 ไปยังอีกสถานการณ์ 1

เป้าหมายก็คือ ความราบรื่น ความสงบและความเรียบร้อย

จากก่อนกระทั่งหลังสถานการณ์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมเป็นต้นมา ทุกฝ่าย ทุกคน ล้วนยอมรับ

ตรงกันในลักษณะแห่งสมารมณ์

นั่นก็คือ ความแจ่มชัด

บทบาทและความหมายของ “ความแจ่มชัด” ที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไป เป็นบทบาทความหมายใด

คำตอบ 1 คือ บทบาทซึ่งดำรงอยู่บนรากฐานแห่ง “ความเป็นจริง” คำตอบ 1 คือ ความเป็นจริงนั้นหนักแน่นด้วยฐานแห่งกฎหมาย ไม่ว่ากฎหมายปัจจุบัน ไม่ว่ากฎหมายแห่งโบราณ ราชนิติ ประเพณี

“ความจริง” จึงเป็นอาวุธและสร้าง “ความแจ่มชัด”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image