รวมกันเราอยู่ โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

การฝึกทหารร่วมคอบร้าโกลด์ของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียนมาเปิดฉากในไทยอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยมีรหัสฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์ 16 ตรงกับปี ค.ศ.2016

ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 9-19 กุมภาพันธ์ มีนานาประเทศเข้าร่วมกว่า 27 ประเทศ

มีทหารร่วมฝึกกว่า 8,500 นาย เป็นสหรัฐเกือบ 3,300 นาย (ลดลงจากปีที่แล้วราว 300 นาย) ไทยกว่า 4,200 นาย และที่เหลือเป็นประเทศร่วมฝึกซ้อมหลัก เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และมาเลเซีย

ท่านทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กลิน ที. เดวีส์ บอกว่า การฝึกคอบร้าโกลด์เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแสดงถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐที่มีต่อไทยและภูมิภาค

Advertisement

หลังจากความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของสหรัฐกับไทยนั้นแนบแน่นมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็น

แต่ปีสองปีมานี้ สหรัฐจำกัดจำนวนทหารเข้าฝึกไม่ให้มากนัก และมุ่งเน้นการฝึกไปที่ด้านมนุษยธรรม

แม้ท่านทูตกล่าวว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง แต่ฟังไปฟังมาก็ไม่ได้พ้นเงื่อนไขนี้เสียทีเดียว เพราะว่าสหรัฐมีกรอบกฎหมายที่ต้องปฏิบัติต่อประเทศที่เกิดเหตุรัฐประหารในระดับหนึ่ง

Advertisement

ครั้นจะยกเลิกการฝึกเลยก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะว่าการฝึกนี้เป็นการฝึกแบบพหุภาคี หมายความว่ามีหลายๆ ประเทศเข้าร่วม

การคิดย้ายไปฝึกในประเทศอื่นยิ่งไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้ เพราะจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่ภายภาคหน้าจะมองหน้ากันไม่ติด ทั้งเสี่ยงจะเสียการถ่วงดุลอำนาจในภูมิภาคเข้าไปอีก

โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนมาก ถึงขั้นเปิดบ้านต้อนรับผู้นำอาเซียนไปประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียน ในดินแดนอเมริกาเป็นครั้งแรก วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์นี้ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย

ถ้ามองจากกรณีนี้ยังถือว่ารวมกลุ่มประเทศเป็นผลดีต่อรัฐบาลไทยในทุกสถานการณ์ ทั้งยามปกติและไม่ปกติ

การรวมกลุ่มประเทศนอกจากจะช่วยให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นแล้ว ประเทศที่มีปัญหายังพอมีพื้นที่ให้ได้ยืนตั้งหลักได้อยู่ ไม่เดียวดายถูกทอดทิ้ง

พม่าเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เคยได้ประโยชน์จากการรวมกลุ่มกับอาเซียน

หากย้อนไปสมัยที่ยังไม่ปฏิรูปและกักนางออง ซาน ซูจี ไว้ในบ้านพัก (ก่อน พ.ศ.2553) พม่าถูกมาตรการลงโทษจากชาติตะวันตก ทั้งยุโรปและอเมริกา อย่างแข็งกร้าว

นอกจากผู้นำทหารจะโดนบัญชีดำห้ามเดินทางไปเยือนฝั่งตะวันตกแล้ว การทำธุรกรรมการเงินกับต่างประเทศก็ติดขัดไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เวลาจะมีประชุมกลุ่มผู้นำอาเซียนกับผู้นำประเทศนอกภูมิภาค พม่าเข้าร่วมประชุมด้วยเสมอ ไม่ได้ถูกตัดทิ้งไปไหน เพียงแต่ผู้จัดต้องไปจัดคิวหลีกเลี่ยงการพบหน้าผู้นำชาติตะวันตกโดยตรง

ในที่นี้รวมถึงเมื่อครั้งที่พม่ามีคิวเป็นประธานอาเซียนในปี 2548 แต่จำต้องเว้นวรรค เพราะขณะนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับจากชาติประชาธิปไตย

สุดท้ายแล้วการรวมกลุ่มมีส่วนช่วยกดดันให้สมาชิกในกลุ่มต้องปรับตัวเองไปในแนวทางที่ประชาคมโลกยอมรับ

เพราะคงไม่มีใครอยากมองเป็นตัวปัญหาหรือตัวถ่วงให้เพื่อนๆ อึดอัดใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image