คนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง : เด็ก ‘ชังชาติ’ หรือผู้ใหญ่ ‘ชิงชาติ’?

เพียง 6 นาทีที่ “มิลลิ” ดนุภา คณาธีรกุลแร็พเปอร์เด็กสาวชาวไทย วัย 19 ปี ขึ้นแสดงบนเวทีโคเชลลา (Coachella) ก็เกิดกระแส “ข้าวเหนียวมะม่วง” ขึ้นมาได้

เราๆ ท่านๆ น่าจะได้ประสบว่ามิตรสหายใน Social Network หรืออาจจะเป็นตัวท่านเองที่ไปสั่งไปหาข้าวเหนียวมะม่วงมารับประทานกันจนร้านใหญ่ๆ ทั่วประเทศแทบต้องหยุดรับออเดอร์เพื่อเคลียร์ยอดขายทั้งหน้าร้านและที่สั่งผ่านระบบแอพพลิเคชั่นต่างๆ และไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่สถิติการค้นหาคำว่า Mango sticky rice ทั่วโลกผ่าน Google ก็พุ่งขึ้นสูงเป็นพิเศษด้วย

สำหรับเวทีของมิลลิ คือเทศกาลดนตรีและศิลปะโคเชลลาวัลเลย์ หรือที่แวดวงเรียกกันสั้นๆ ว่า โคเชลลา (Coachella) จัดขึ้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานแสดงดนตรีเวทีใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของโลก จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1999 โดยครั้งนี้เป็นการกลับมาจัดแสดงอีกครั้งหลังจากว่างเว้นไปนานถึงสองปีจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมิลลิขึ้นเวทีในช่วงรายการของค่าย Rissing88 ในไลน์อัพเดียวกับ แจ็คสัน หวัง จากบอยแบนด์เกาหลีใต้ GOT7 และนักร้องสาวชาวญี่ปุ่นระดับตำนาน ฮิคารุ อูทาดะ

มิลลิ อาจจะเป็นคนไทยคนที่สองบนเวทีนี้ แต่ก็นับเป็นศิลปินเดี่ยวจากประเทศไทยโดดๆ ที่ขึ้นเวทีนี้ด้วยตัวของเธอเอง

Advertisement

ปกติแล้วการที่เด็กวัยรุ่นอายุ 19 ปีคนหนึ่งได้ร่วมมหกรรมดนตรีระดับโลกนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องชวนให้ภูมิใจไปด้วยของคนไทยทั้งหลาย ยกเว้นแต่คนกลุ่มหนึ่งที่ขอเรียกรวมกันด้วยถ้อยคำที่คนทั่วไปเข้าใจตรงกัน
คือ “สลิ่ม” ซึ่งได้แก่กลุ่มผู้ที่ยังสนับสนุนรัฐบาลและเครือข่ายอำนาจเบื้องหลัง

นั่นก็เป็นเพราะมิลลิ เป็นศิลปินที่แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชื่นชม
ยินดีกับการปกครองบริหารประเทศของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะผู้สนับสนุน ถึงขนาดว่าเคยเป็นหนึ่งในศิลปิน หรือผู้มีชื่อเสียงที่ถูกทางการใช้อำนาจรัฐดำเนินคดี โดยนายกรัฐมนตรีเองเป็นผู้ใช้ให้ นายอภิวัฒน์ ขันทอง ทนายความที่เขาแต่งตั้งขึ้นไปแจ้งความเรื่องที่เธอโพสต์โซเชียลเสียดสีนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของรัฐบาลเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว โดยการดำเนินคดีดังกล่าวทำให้เธอถูกปรับเป็นเงินสองพันบาท ด้วยข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

เช่นนี้การที่ศิลปินวัยรุ่นสาวที่แสดงตัวอยู่ฝั่งฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลนี้ได้รับการยอมรับในระดับโลก จึงเป็นเรื่องที่ชาวขนมหวานหลากสีนั้นยอมรับไม่ได้

Advertisement

เรื่องกระแนะกระแหนที่ชาวสลิ่มโยนใส่มิลลิในรอบนี้ก็มีทั้งที่ฟังดูโง่เง่าสุดทน เช่น ก่นว่ามากินข้าวเหนียวมะม่วงอะไรกันบนเวทีคอนเสิร์ต นี่ช่างไม่รู้เวล่ำเวลาเอาเสียเลย หรือบ้างก็หาเรื่องจับผิดว่าที่ได้ไปแสดงในการรายการนี้นั้นเป็นเรื่องของการใช้เงิน หรืออิทธิพลที่มองไม่เห็นจับยัดแทรกเข้าไปในตาราง (ซึ่งเรื่องนี้มีผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีระดับโลกชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริง)

หากข้อโจมตีที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง คือการที่กล่าวหาว่า ไหนว่ามิลลิ (และรวมถึง “เยาวชนสามกีบ” ทั้งหลาย) รังเกียจรังชังความเป็นไทยนัก แล้วทำไมเอา “ข้าวเหนียวมะม่วง” ที่เป็นของหวานไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลแล้วขึ้นไปใช้บนเวทีเพื่อโหนความเป็นไทยกันเล่า

ข้อโจมตีนี้น่าสนใจในแง่ที่เป็นการตอกย้ำถึงวาทกรรม “ชังชาติ” ซึ่งฝ่ายที่เราจะเรียกว่าเป็นพวก “อนุรักษนิยม” เสียก็กระดากปาก สร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้ในการป้ายหัวให้กลุ่มผู้ที่มีความคิดทางการเมืองตรงข้ามกับตน โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อดรนทนไม่ไหวกับการใช้อำนาจบริหารปกครองประเทศของรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากคณะผู้ทำรัฐประหารและเครือข่ายวัฒนธรรมและอำนาจเบื้องหลัง โดยพวกเขาพยายามต่อสู้ หรือตั้งคำถามกับรัฐบาล การใช้อำนาจ และออกวัฒนธรรมต่างๆ เช่นว่านั้น

ทำไมการวิพากษ์รัฐบาล เครือข่ายอำนาจรัฐราชการ และวัฒนธรรมการใช้อำนาจที่สนับสนุนรัฐบาลจึงกลายเป็นความ “ชังชาติ” ไปได้

แล้ว “มิลลิ” ใช้เวลา 6 นาทีของเธอบนเวทีโคเชลลาเพื่อแสดงความชังชาติจริงหรือ?

หากใครได้ฟังการแร็พของเธอคงจะรู้ว่า มิลลิเริ่มด้วยการประกาศให้ชาวโลกได้รู้ไว้ว่า ประเทศไทยไม่ได้สัญจรกันด้วยการขี่ช้างไปไหนต่อไหน “I didn’t ride the Elephant คนไทยไม่ได้ขี่ช้าง รถไฟฟ้าบีทีเอสก็มีค่ะ subway ก็มี”

ผู้เคยผ่านประสบการณ์ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศคงจะทราบกันดีว่า เรื่องคนไทยขี่ช้างสัญจรไปมาอย่างยานพาหนะนั้นเป็นตลกร้ายอันน่าเบื่อ เพราะน่าจะมีฝรั่งมาถามเราแบบนี้ตั้งแต่สมัยคนไทยรุ่นแรกๆ ไปเรียนหนังสือจนถึงคนรุ่นคุณพ่อผมเมื่อราว 60 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันนี้ก็คงยังมีผู้ที่เข้าใจเช่นนี้อยู่ ดังนั้น การที่ “มิลลิ” ประกาศว่าประเทศไทยนั้นก็เป็นประเทศศิวิไลซ์ มีรถไฟฟ้าใช้นะ (โว้ย) เช่นนี้เราจะเรียกว่าเป็น “ความชังชาติ” ได้ตรงไหน?

เพราะถ้าจะมีคน “ชังชาติ” จริงๆ ก็ควรจะเอาเรื่องนี้มาล้อเลียน หรืออาจจะผสมโรงอำไปด้วยว่าเรายังขี่เกวียนเทียมควายกันในบางกอกเสียเลยไหม

แม้จะมีจุดที่คนไทยส่วนใหญ่จะขำแบบตลกร้ายอยู่บ้างตรงท่อน “เสาไฟกินรีต้นละแสน รถไฟสมัย ร.5 ใช้มาแล้ว 120 ปี” อันแสดงถึงความล้าหลังของโครงสร้างพื้นฐานและปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กระนั้นมิลลิก็ยังสรุปว่าประเทศไทยนั้น “คือดี ประชาชนก็ดี อาหารก็ดี แต่รัฐบาลคือบูด…” จากนั้นก็ปิดด้วยช็อตข้าวเหนียวมะม่วงอย่างที่เรารู้กัน

หากกล่าวอย่างยุติธรรม นี่คือความพยายามของแร็พเปอร์สาววัยรุ่นที่พยายามจะบอกว่า ประเทศไทยของพวกเรานี้ ภาพรวมๆ ก็ดี มีความศิวิไลซ์ เป็นประเทศที่ “สุดปัง” เว้นแต่เครือข่ายรัฐราชการและรัฐบาลที่ “สุดพัง” บูดไม่ไหว อันเป็นสิ่งที่ชาวไทยส่วนใหญ่นั้นรับรู้ทั่วกันตรงกันอยู่แล้ว

ถ้าการตำหนิเครือข่ายรัฐที่คร่ำครึและรัฐบาลเท่านี้กลายเป็นความชังชาติ เราก็สมควรที่จะตระหนกแล้วว่า คำว่า “ชาติ” ของเรา ของคนไทยทั้งหลาย ได้ถูกฉกชิงไปโดยชาวสลิ่มน้ำกะทิบูด ทำให้ “ชาติ” ของเรานั้นมีความหมายหดแคบเพียงหมายถึงรัฐบาลประยุทธ์และเครือข่าย กับโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การครอบงำของกลไกรัฐที่คร่ำครึล้าสมัย และวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่มุ่งครอบงำให้เยาวชนคนทั่วไปใช้ชีวิตแบบเชื่องๆ ไม่หือไม่อือ เพื่อยังไว้ซึ่งเครือข่ายอำนาจดังกล่าว

ความผุพังร่วงโรยไม่ทันโลกของทางการไทย ความเหลวไหลล้าหลังของกลไกโครงสร้างพื้นฐาน
ไร้การพัฒนา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ก็รับรู้ แม้ว่าเรื่องรถไฟไทยใช้มาแล้ว 120 ปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จะเป็นเพียงคำเสียดสี (ผู้สันทัดกรณีเกี่ยวกับการรถไฟให้ข้อมูลว่า ตัวรถไฟไทยนั้นมี
อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ “60 ปีเท่านั้น…”) แต่ความเก่าแก่ทั้งในเชิงวัตถุและระบบของรถไฟพื้นฐาน
ของไทย มีหรือที่ใครจะสัมผัสไม่ได้ เว้นแต่ผู้มีเงินที่จะไม่เลือกเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นถึงการยอมรับถึงปัญหาดังกล่าวในตัวนั่นเอง เพราะคนพวกนี้หากไปประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วก็จะเลือกเดินทางด้วยระบบรถไฟเนื่องจากโดยรวมแล้วสะดวกสบายกว่าเครื่องบินทั้งนั้น แต่ทำไมรถไฟในประเทศไทยนั้นไม่ใช่ตัวเลือกของผู้คนที่พอมีเงิน ถ้าไม่หลอกตัวเองเกินไปก็คงจะตอบได้

ดังนั้น ประชาชนชาวไทยที่ยังมีความคิดเป็นอิสระ มีระดับสติปัญญาระดับมาตรฐานก็คงจะเห็นตรงกันว่าประเทศไทยนี้มีเรื่องดีๆ มีจุดแข็งจุดขายมากมาย มีศักยภาพที่สามารถเติบโตไปเป็นประเทศพัฒนาอารยะได้ หากเรากลับถูกถ่วงรั้งไว้ด้วยเครือข่ายอำนาจที่ว่าข้างต้นให้เป็นประเทศห้ามพัฒนา เว้นแต่พวกเขาจะอนุญาต ซ้ำยังสร้างวัฒนธรรมจำยอมให้คนนั้นอยู่กันแบบไม่มีปากเสียง อย่ามาตำหนิหรือชี้ข้อเสียของประเทศ เพราะนั่นคือการประจานความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่ายอำนาจ

สิ่งที่ผู้คนที่สนับสนุนรัฐบาลและเครือข่ายอำนาจนั้นทำ ได้แก่ การอยู่เงียบๆ ไม่ตำหนิความไร้ประสิทธิภาพใดๆ เพราะกลัวบ่นแล้วจะไปเข้าทางคนอีกฝ่ายอีกฝั่งหนึ่ง ก็อาจจะเลือกทางหลอกตัวเองด้วยการใช้วิธีคิดแบบปลอบใจ เช่น มีแบบไม่ดีก็ยังดีกว่าไม่มีเอาเสียเลย พยายามหาข้อดีของประเทศที่กำลังลดลงเหลือน้อยลงไปทุกวัน หรือหลอนตัวเองด้วยการยกเอาข้อมูลที่ไร้สาระมาประโลมใจว่า ถึงรถไฟเราจะเก่า แต่เส้นทางรถไฟของเราก็ยาวที่สุดในอาเซียน หรืออะไรที่ไร้สาระระดับนี้

พวกเขา “ชิง” เอา “ชาติ” ประเทศของเราทั้งปวงไปผูกกับรัฐบาลเผด็จการอำนาจนิยมที่ไร้ประสิทธิภาพ ถืออ้างเอาวัฒนธรรมอำนาจนิยมยอมจำนนไม่หืออือมาเป็นวัตรปฏิบัติแห่งความรักชาติไปเสียแล้ว

อันที่จริงในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมานี้ เชื่อว่าพวกเราหลายคนในแต่ละวงการได้เห็นสัญญาณที่ดีประการหนึ่งว่า เรายังมีคนไทยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงในแทบทุกวงการ มีนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับ ได้สอนหนังสือในสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกหลายท่าน มีนักกีฬาไทยระดับอาชีพที่ได้รับการยอมรับในวงการ มีนักวิทยาศาสตร์และผู้สร้างนวัตกรรมเบื้องหลังบริษัทชั้นนำของโลก เริ่มมีบริษัทของคนไทยที่สร้างเกมคอมพิวเตอร์วางจำหน่ายในระดับโลกได้ มีศิลปินผู้มีฝีมือในการสร้างการ์ตูนแอนิเมชั่นอยู่เบื้องหลังการผลิตงานภาพและเสียงอันวิจิตรให้บริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของโลก และล่าสุดเรามีเด็กไทยที่เป็นศิลปินระดับโลก และเช่นเดียวกับที่มิลลิ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดก้าวหน้าของเราคนหนึ่ง ก็ได้เขียนตำนานหน้าแรกในวงการดนตรีระดับโลกของเธอไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้

อย่าให้ความเหลวไหลล้าหลังและถดถอยของอำนาจรัฐและวัฒนธรรมอำนาจที่ครอบงำอยู่สร้างอุปสรรคให้พวกเขา ที่ถ้าไม่พยายาม “อยู่ให้เป็น” โดยลดทอนศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ลง เพื่อหวังจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐ (หรืออย่างน้อยๆ ก็ไม่ขัดขวางสร้างอุปสรรค) ก็อาจจะเป็นการหนีไปให้พ้นจากประเทศนี้เพื่อหาอนาคต

เช่นนี้สิ่งที่ชาวไทยผู้ “รักชาติ” อย่างแท้จริงพึงกระทำ ก็คือการไปทวงคืนเอา “ชาติ” ที่ถูกผู้สนับสนุนเครือข่ายอำนาจที่กัดกินประเทศเราไว้ช่วงชิงไป กลับคืนมาให้เป็นพื้นที่ฟูมฟักเพื่อคนไทยทั้งหลายที่มีศักยภาพ คนรุ่นใหม่อีกมากมาย ให้สามารถใช้ชีวิตไปได้ในประเทศที่มีอนาคต เพื่อเขาจะได้นำพาประเทศชาติไปสู่จุดที่เราควรจะไปถึงมาตั้งนานแล้ว

กล้า สมุทวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image