ภาพเก่าเล่าตำนาน : 9 พฤษภาคม ‘วันแห่งชัยชนะ’ ของรัสเซีย

ชาวยุโรป…ที่ถือว่าก้าวล้ำนำหน้ามาก่อนใคร ทำสงคราม ประหัตประหาร ทำลายล้าง-ฆ่ากันเอง ดุเดือด มานานนับพันปี

(เหตุการณ์ตรงนี้ อุบัติขึ้นเมื่อครั้งเป็น สหภาพโซเวียต ผู้เขียนขอเรียกว่า ชาวโซเวียต)

ผู้เขียน…ขอย่อความให้กระชับ-รวบรัด (ที่สุด) …

สงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457-2461) จบลงด้วยความปราชัยของกองทัพเยอรมัน… “ผู้แพ้สงคราม” ถูกกดขี่ด้านเศรษฐกิจอย่างหนักจากประเทศ “ผู้ชนะสงคราม”

Advertisement

สงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป (พ.ศ.2482-2488) ระเบิดขึ้น เพราะเยอรมันต้องการปลดแอกตัวเองจากการกดขี่ ต้องการทรัพยากร ดินแดน เกลียดยิว เยอรมัน
ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง เป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 ในยุโรปที่ขยี้ทุกกองทัพในยุโรปราบคาบ…

และจบลงด้วย “ความปราชัย” ของเยอรมันอีกครั้ง

เหตุการณ์สำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2

Advertisement

1 กันยายน พ.ศ.2482 สงครามเริ่ม… กองทัพนาซีบุกตะลุยเข้าโปแลนด์ เดินหน้าทำลายล้างไปเกือบทั่วยุโรป… ไม่มีเกียร์ถอยหลัง

ยุโรปเสียขวัญ แตกกระเจิง เมื่อกองทัพนาซีบุกเข้าปารีส

23 มิถุนายน พ.ศ.2483 ฮิตเลอร์และคณะนายทหารเข้าไปเต๊ะท่าถ่ายรูปหน้าหอไอเฟลในปารีส

(โชคดี…ที่ฮิตเลอร์ไม่สั่งให้ทำลายมหานครปารีส)

22 มิถุนายน พ.ศ.2484 ฮิตเลอร์ “ช็อกโลก” อีกครั้ง …สั่งกองทัพนาซีและทหารกลุ่มพันธมิตร กำลังนับล้านนาย บุกเข้าไปในสหภาพโซเวียตแบบสายฟ้าแลบ

ฮิตเลอร์ต้องการขยายดินแดน ต้องการกำจัดยิว และที่สำคัญที่สุด…เกลียดระบอบคอมมิวนิสต์

กองทัพแดง (Red Army) ของโซเวียตที่เคย “ไว้ใจ” เยอรมัน นำกำลังออกมาสู้รบ โดนกองทัพของฮิตเลอร์บดขยี้ ยิงทำลายแบบอำมหิตจนบ้านเมืองแหลกเป็นจุณ ทุกเมืองที่เข้าตี ทหารนาซีไม่มีความปรานีต่อทุกชีวิต

การรบที่ดุเดือด โหดร้าย กินเวลานานราว 8 เดือน คือ การรบที่เมืองสตาลินกราด ทหารนาซีต้องเผชิญกับสภาพอากาศ ลบ 20 องศาเซลเซียส ตายไปในน้ำแข็งนับแสนนาย

กองทัพนาซี (ส่วนนี้) โดนกองทัพแดงสวนกลับ…แทบละลาย

กองทัพนาซี “อีกส่วนหนึ่ง” บุกเข้าใกล้มอสโก

(ในช่วงเวลานั้น ยูเครน เป็นรัฐหนึ่งในสหภาพโซเวียตที่ออกมารบ-ต่อสู้กับกองทัพเยอรมันเพื่อปกป้องสหภาพโซเวียต)

กองทัพแดงและประชาชนชาวโซเวียต ใช้ “การรบหน่วงเวลา” ทำทุกอย่าง พลีชีพ สู้กับกองทัพนาซีในสภาพที่ “หนาวจัด”

กองทัพนาซีนับแสนเริ่มประสบปัญหา “การส่งกำลังบำรุง” น้ำมัน กระสุน เสื้อผ้า อาหาร บาดเจ็บ ล้มตายอย่างน่าอนาถ

กำลังส่วนที่บุกไปปิดล้อมมอสโก เจอการต้านทานของกองทัพประชาชน ถึงขนาดยอมเผาเมืองมอสโก เพื่อมิให้ทหารนาซีมีที่พัก ทำลายเมืองเพื่อต้องการให้นาซี “หนาวตาย”

อำนาจกำลังรบของนาซี เริ่มแผ่ว ประสิทธิภาพต่ำ

ผู้หญิงรัสเซียหลายพันคน ไปสมัครเป็น สไนเปอร์ (Sniper) เสียสละชีวิตออกไปทำงานในความหนาว “ล่าสังหาร-ปลิดชีพ” เน้นที่ผู้บังคับหน่วยของนาซีอย่างกล้าหาญ

สไนเปอร์หญิงรัสเซีย แข่งกัน “เด็ดหัว” ทหารเยอรมันอย่างได้ผล …1 นัด คือ 1 ชีวิต ที่ต้องรักษาบ้านเมือง

ระยะเวลาราว 10 เดือนที่กองทัพนาซีรุกเข้าไปถิ่นหมีขาว ทำลายบ้านเมือง สังหารประชาชนแบบอำมหิต ชาวรัสเซียทั้งทหารและประชาชนที่ออกมาต่อสู้ เสียชีวิตไปราว 27 ล้านคน

หากแต่ “ต้านทาน-รักษา” แผ่นดินเกิดไว้ได้

กองทัพนาซีบอบช้ำ ทรุดโทรม หมดสภาพ จนต้องถอนกำลังแบบร่อแร่ออกไปจากสมรภูมินรกโซเวียต

เฉพาะการรบที่เมืองสตาลินกราด (17 ก.ค.2485-2 ก.พ.2486) มีทหารทั้ง 2 ฝ่ายราว 2.2 ล้านนาย นาซีเสียทหารไปมากกว่า 3 แสนนาย บางส่วนถูกจับไปเป็นเชลย ไปเป็นแรงงานทาส ทั้งเมืองกลายเป็นเถ้าถ่าน

การสู้รบในดินแดนโซเวียต ที่สามารถตัดทอนกำลัง ยับยั้งการบุกของกองทัพนาซีได้สำเร็จ ทำให้กองทัพนาซี “พ่ายแพ้” คือ เหตุการณ์ที่ชาวโซเวียตภูมิใจนักหนา และถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ที่รักษามาตุภูมิไว้ได้แบบ “เลือดทาแผ่นดิน”

ความภูมิใจ รักแผ่นดินเกิด ชาตินิยม ผสมปนเปไปกับ “ความเคียดแค้น” ที่มีต่อชนชาติเยอรมัน

ชาวโซเวียตถือว่า “กูนี่แหละ” ที่บดขยี้-เอาชนะเยอรมันได้ (และส่งผลให้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา)

ซึ่งก็เป็นความจริง เป็น “ชัยชนะอันยิ่งใหญ่” ที่ในเวลานั้นต้องต่อสู้เพียงลำพัง

ขอกลับมาที่การสู้รบใน “ภาพใหญ่” ในทวีปยุโรป…

เกาะอังกฤษ คือ ชาติเดียวที่กองทัพเยอรมันยัง “เคี้ยวไม่ลง” มีการทำสงครามทางเรือดุเดือด รบกันทางอากาศกันแบบสุดโหด

กองทัพอากาศนาซีทิ้งระเบิดใส่เกาะอังกฤษแหลก ราบเป็นหน้ากลอง ชาวลอนดอนนับหมื่น ลงไปหลบในสถานีรถไฟใต้ดิน

กองทัพอากาศอังกฤษ คือ ฮีโร่ ในการต่อสู้กับกองทัพอากาศนาซี

ฮิตเลอร์ ต้องการได้ยินอังกฤษประกาศยอมแพ้…แต่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น

สงครามในยุโรปฆ่ากันนองเลือดผ่านไปเกือบ 2 ปี

อเมริกาส่งทหารเข้ามาช่วยเพื่อ “กอบกู้” ยุโรป มะกันจัดกำลังทหารนับแสน ร่วมกับพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ในฝรั่งเศส

ผลักดัน ตีโต้ตอบกองทัพนาซีให้ถอยร่น เยอรมันเริ่มอ่อนแรง

“ที่หมายสุดท้าย” คือ กรุงเบอร์ลิน

1 เดือนสุดท้าย…ก่อนกองทัพนาซีเยอรมันจะพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ช่วงเวลาแห่ง “การช่วงชิง”

กองทัพของสัมพันธมิตร “แย่งชิงกันขอบุกเข้าสู่เบอร์ลิน”

มันคือ จารึกแห่งประวัติศาสตร์โลก… กองทัพของชาติใด ที่จะได้เข้าไปประทับรอยเท้าในเมืองหลวงของเยอรมัน

เกิดอะไรขึ้น…ก่อนเบอร์ลินแตก…

30 เมษายน พ.ศ.2488 ฮิตเลอร์ ชิงฆ่าตัวตาย

กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร “แยกกำลังกัน” ปิดล้อมกรุงเบอร์ลิน ระดมยิงอย่างหนักต่อกองทัพเยอรมันในเบอร์ลินที่กำลังจนมุม…

เมื่อระดมยิงอย่างหนัก จนไร้การต้านทาน จึงบุกเข้าเบอร์ลินแบบ “ตีกระหนาบ” …ตะวันออก-ตะวันตก

7 พฤษภาคม พ.ศ.2488 กองทัพนาซีเยอรมันทางฝั่งตะวันตก ยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อกองทัพสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ที่รุกเข้าสู่กรุงเบอร์ลิน

8 พฤษภาคม พ.ศ.2488 ได้รับการประกาศให้เป็น “วันแห่งชัยชนะในยุโรป” (V-E DAY) และเป็นวันสิ้นสุดสงครามยุโรปอย่างเป็นทางการ

9 พฤษภาคม พ.ศ.2488 กองทัพนาซีเยอรมันทาง “ทิศตะวันออก” ของเบอร์ลินยอมแพ้ต่อกองทัพโซเวียต ที่รุกเข้าสู่เบอร์ลิน

กองทัพแดง ได้บันทึกประวัติศาสตร์ไว้ดังนี้…

9 พฤษภาคม พ.ศ.2488 ณ เวลา 00.43 น. ตามเวลามอสโก ในเมือง Karlskhorte ใกล้กรุงเบอร์ลิน มีพิธีลงนามในตราสารแห่งการยอมจำนนของเยอรมัน

จอมพล ดับบลิว ไคเทล ในฐานะเสนาธิการกองทัพเยอรมัน และ พลเรือเอก ฟรายบรูก ผู้บัญชาการทหารเรือ และพันเอก สตัมพ์ เป็นตัวแทนของกองทัพอากาศ

ฝ่ายสหภาพโซเวียต…มี จอมพล ซูคอฟ และฝ่ายสัมพันธมิตร มีพลอากาศเอก เทดเดอร์ ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังเดินทางฝ่ายสัมพันธมิตร และนายพลของฝรั่งเศส

กองทัพแดงของโซเวียต “รอวันนี้” มานาน เพื่อชำระแค้น

(8 พฤษภาคม พ.ศ.2488 ก่อนการลงนามในตราสารยอมจำนน สตาลิน (Stalin) ผู้นำสูงสุดของสหภาพโซเวียต ได้ลงนามในพระราชกฤษฎีกาของรัฐสภาสูงสุด เพื่อจะประกาศ “วันที่ 9 พฤษภาคม วันแห่งชัยชนะ”)

ความพินาศของบ้านเมืองในแผ่นดินสหภาพโซเวียต และชีวิตที่สูญเสียไปราว 27 ล้านคน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เยอรมันสร้างไว้ คือ รอยแค้นที่ชาวสหภาพโซเวียตแสนกระหาย…รอการชำระ

มีบันทึกเตือนความทรงจำ สอนลูกหลานไว้ว่า…

ในคืนวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2488 ชาวมอสโกนอนไม่หลับ เวลา 02.00 น. วิทยุประกาศว่า…จะมีประกาศสำคัญ

เวลา 02.10 น. โฆษกอ่านข้อความการยอมจำนนของเยอรมันและกฤษฎีกาของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียต

ความภาคภูมิใจในชัยชนะ สหภาพโซเวียตจึงประกาศให้…วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันหยุดประจำชาติ-วันหยุดแห่งชัยชนะ

กลางดึกวันนั้น ผู้คนต่างวิ่งออกจากบ้านมาบนถนน แสดงความยินดีกับชัยชนะที่รอคอยมานาน แบนเนอร์ปรากฏขึ้น ผู้คนจำนวนมากขึ้นรวมตัวกันที่ “จัตุรัสแดง”

ชาวเมืองมอสโกที่รอดชีวิตนับหมื่น ออกมาเฉลิมฉลองกันเอง ใบหน้าร่าเริง ร้องเพลง เต้นรำไปกับหีบเพลง

ในตอนเย็น มีการยิงสลุต เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่

ทุกกองทัพที่รุกเข้าสู่เบอร์ลิน คือ เจ้ากรรมนายเวร ที่ขอมา “เอาคืน” โดยเฉพาะกองทัพแดงของโซเวียต

กองทัพของอังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ …ก็รอวันนี้มานาน… มันคือความอาฆาตแค้นต่อกองทัพเยอรมัน

วันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปี รัสเซียจะถือ “วันแห่งชัยชนะ” (Victory Day) เป็นวันหยุดประจำชาติที่สำคัญที่สุด เป็นการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของมหาสงครามแห่งความรักชาติ

เหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นการชำระแค้นที่ “โด่งดัง-ฉาวโฉ่” ในโลก คือ การที่ทหารโซเวียต “ตั้งใจ” ข่มขืนเด็กผู้หญิง สตรี ชาวเยอรมันเพื่อสางแค้นที่เรียกว่า “การข่มขืนที่เบอร์ลิน” (Berlin Rape)

มีการตกลงกันว่า…เยอรมัน จะถูกแบ่งออกเป็น 4 เขตยึดครอง โซเวียต อเมริกา ฝรั่งเศส และอังกฤษ

มหาอำนาจแต่ละฝ่ายคืออำนาจทางการเมืองและกฎหมายเพียงผู้เดียวในเขตของตน แผ่นดินเยอรมันถูกฉีกแบ่งเป็นชิ้น

กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมัน แม้จะอยู่ลึกเข้าไปในเขตยึดครองของสหภาพโซเวียต ก็จะถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนแยกจากกัน มหาอำนาจทั้ง 4 จะทำงานร่วมกันผ่านสภาควบคุมฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2488 ซึ่งจะดูแลเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปกครองเยอรมันทั้งหมด

หลังสงคราม ระหว่างการยึดครอง

รัสเซีย สอนลูกหลานว่า…นี่คือ มหาสงครามแห่งความรักชาติ และเป็นที่จดจำในแง่มุมที่ “แตกต่าง” ไปจากโลกตะวันตก

กองทัพแดงเป็น “กลไกหลักในการทำลายล้างของลัทธินาซี”

ขออธิบายเป็นข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ…

สหภาพโซเวียต ที่ “เคียดแค้น” ต่อเยอรมันเป็นพิเศษเพราะ ย้อนไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2482 มีการลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานระหว่างเยอรมัน-โซเวียต ในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอป ซึ่งฮิตเลอร์ใช้เป็นกลอุบายยุทธวิธีชั่วคราวเพื่อลวงโซเวียต

หากแต่วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2483 ฮิตเลอร์ได้ลงนามในคำสั่ง ชื่อรหัส ยุทธการบาบารอสซา (Operation Barbarossa) คือ คำสั่งการบุกสหภาพโซเวียต

แปลว่า…“โซเวียตโดนเยอรมันหักหลัง แต่ก็รบชนะในที่สุด”

นี่คือ ชุดความรู้ ความสำนึกของชาวโซเวียต

กองทัพแดง คือ ผู้พิชิต เป็นกองทัพที่ “กำปั้นเหล็ก” หักแขน หักขา นาซีเยอรมันจนอ่อนแรงและพ่ายแพ้ในที่สุด

ทุกวันที่ 9 พฤษภาคม ของทุกปี กองทัพแดงจะออกมาสวนสนาม แสดงอานุภาพอย่างสง่างาม ณ จัตุรัสแดง เพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษผู้กล้าหาญ สำนึกในความรักแผ่นดิน และชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

ผู้นำสูงสุดและบุคคลสำคัญจะยืนตระหง่านบนเฉลียง

คนทั่วโลก จะคอยจ้อง เฝ้ามองว่า “อาวุธตัวใหม่” ที่รัสเซียเลิศล้ำ นำหน้า คนอื่นจะมีอะไรมาอวด …รวมทั้ง “คำกล่าว” อันทรงพลังของมหาอำนาจ

9 พฤษภาคม พ.ศ.2565…กองทัพแดงจะมี “อาวุธ” ที่เหนือกว่าใครในปฐพี หลายตัว ที่จะนำมาแสดง พร้อมทั้ง “ผลงาน” จากสงครามในยูเครน

โปรดคอยติดตาม…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image