ปัญหาของตะวันออกกลางปัจจุบันนี้ มีรากเหง้ามาจากข้อตกลงไซคส์-พิโกท์ โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

มีท่านผู้อ่านที่เคารพหลายท่านและบรรดาลูกศิษย์ของผู้เขียนหลายคนได้ปรารภกับผู้เขียนว่า สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางในขณะนี้เขม็งตึงเครียดอย่างหนัก ถึงขนาดเกิดมีความกลัวว่าจะทำให้สงครามโลกครั้งที่สามระเบิดขึ้นได้ เนื่องจากความขัดแย้งของบรรดามหาอำนาจทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสหรัฐอเมริกากับรัสเซีย ถึงขนาดว่าสหรัฐอเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ ผ่านคลองสุเอซเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อไปคุมเชิงรัสเซียที่ใช้เครื่องบินระดมทิ้งระเบิดใส่เมืองอเลปโปที่เป็นที่ตั้งใหญ่ของฝ่ายกบฏซีเรียที่สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในยุโรปสนับสนุนอยู่ ซึ่งรัสเซียก็ตอบโต้ด้วยการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินมุ่งหน้าไปที่ซีเรียเช่นกัน

ในขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกา อิรัก เคิร์ดและอิหร่าน ได้ร่วมมือกันเข้าโจมตีเมืองโมซุลที่เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอิรักที่เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่และแหล่งน้ำมันที่เป็นรายได้สำคัญของกลุ่มไอเอสตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคมนี้เอง ซึ่งดูสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกันจนจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงอยากได้คำอธิบายให้เข้าใจเรื่องปัญหาของตะวันออกกลางที่วุ่นวายไม่รู้จักจบตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

ผู้เขียนก็ตกกระไดพลอยโจนอธิบายไปว่า หากต้องการที่จะเข้าใจปัญหาของภูมิภาคตะวันออกกลางนั้น ต้องมองว่าภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นเสมือนหอมหัวใหญ่ที่มีโลกสมัยใหม่หุ้มห่ออยู่เฉพาะผิวนอกต้องลอกกลีบหัวหอมออกเป็นชั้นๆ เพื่อค้นหาความรู้ความเข้าใจจากประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ภายใน

ภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นยาวเหยียดไป 1,000 ไมล์จากทิศตะวันตกที่ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไป ถึงทิวเขาของประเทศอิหร่านทางทิศตะวันออกและจากทางทิศเหนือเริ่มจากทะเลดำไปยังทิศใต้ยาว 2,000 ไมล์ไปสู่ทะเลอาหรับที่ประเทศโอมาน ภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วยทะเลทรายอันกว้างใหญ่ โอเอซิส ภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมทั้งปี มีแม่น้ำยาวหลายสาย มีเมืองใหญ่ๆ มากมายและมีที่ราบตามชายฝั่งทะเล

Advertisement

ภูมิภาคตะวันออกกลางคือ เส้นทางเชื่อมระหว่างทวีป 3 ทวีปคือ เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ดังนั้น จึงมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ หลายภาษาและหลายศาสนา อาศัยอยู่ในดินแดนตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ภูมิภาคตะวันออกกลางยังอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นที่ปรารถนาของทุกประเทศในโลกนี้

เดิมทีภูมิภาคตะวันออกกลางนี้อยู่ใต้อำนาจการปกครองของจักรวรรดิออตโตมานผู้เป็นชาวเติร์กได้ปกครองภูมิภาคตะวันออกกลางนี้ร่วม 500 ปี โดยแบ่งการปกครองเป็นเขตๆ ไป (ดูภาพ) เรียกว่าวิลาเยท (Vilayets) ซึ่งมักแบ่งตามที่ตั้งอยู่อาศัยของชนเผ่าที่มีเชื้อสาย ภาษาและศาสนาที่ใกล้เคียงกัน ส่วนคาบสมุทรอาระเบียก็จัดเขตการปกครองตามแถบชายฝั่งทะเลเท่านั้นส่วนภายในคาบสมุทรอาระเบียซึ่งทะเลทรายอันกว้างใหญ่ก็ทิ้งให้คนท้องถิ่นจัดการกันเอง จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเมื่อ พ.ศ.2457 ที่จักรวรรดิออตโตมานได้เข้าร่วมสงครามร่วมกับฝ่ายมหาอำนาจกลางอันมีเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลีรบกับสัมพันธมิตร คือ อังกฤษ ฝรั่งเศสกับรัสเซีย ซึ่งอังกฤษกับฝรั่งเศสได้แอบทำข้อตกลงลับร่วมกันเพื่อที่จะแบ่งดินแดนในตะวันออกกลางที่เป็นของจักรวรรดิออตโตมานด้วยกัน โดยใช้ปากกาขีดเส้นแบ่งกันเอากันง่ายๆ (ดูรูป) โดยเขต A ให้ฝรั่งเศส ส่วนเขต B เป็นของอังกฤษ ของตกลงลับนี้เรียกว่า “ไซคส์-พิโกท์” ตามชื่อนักการทูตอังกฤษที่ชื่อ Mark Sykes กับนักการทูตฝรั่งเศสชื่อ Francois Georges-Picot

 

Advertisement
การแบ่งเขตการปกครองของจักรวรรดิออตโตมาน
การแบ่งเขตการปกครองของจักรวรรดิออตโตมาน

 

แผนที่แสดงการแบ่งเขตของข้อตกลงไซคส์-พิโกท์
แผนที่แสดงการแบ่งเขตของข้อตกลงไซคส์-พิโกท์

 

การขยายตัวของพวกไอซิส (สีเทา)
  การขยายตัวของพวกไอซิส (สีเทา)

 

ครับ ! ความอหังการของมหาอำนาจอังกฤษกับฝรั่งเศสที่ขีดเส้นแบ่งดินแดนในตะวันออกกลางตามอำเภอใจ โดยฝรั่งเศสตั้งประเทศเลบานอนเพื่อที่จะให้มีประเทศคริสเตียนขึ้นในตะวันออกกลาง สำหรับส่วนที่เป็นประเทศซีเรียปรากฏว่านายทหารอากาศชื่อฮาเฟซ อัล-อัสซาดซึ่งเป็นชีอะห์สาขาหนึ่ง (ชาวซีเรียส่วนใหญ่เป็นสุหนี่) ได้ยึดอำนาจตั้งตัวเป็นผู้เผด็จการร่วม 30 ปี โดยเอาบรรดาพวกชีอะห์เข้าอยู่ในวงการทหารระดับสูงทั้งหมดแถมยังให้ลูกชายสืบทอดตำแหน่งผู้เผด็จการต่อไปจนปัจจุบัน

สงครามกลางเมืองของซีเรียในขณะนี้จึงเป็นสงครามระหว่างพวกสุหนี่กับชีอะห์โดยแท้

ส่วนอังกฤษซึ่งเริ่มสร้างเรือรบที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแทนการใช้ถ่านหินเริ่มใน พ.ศ.2457 จึงต้องการดินแดนที่ปัจจุบันนี้เป็นประเทศอิรักและประเทศคูเวต (ส่วนนี้เพื่อผลประโยชน์ในการเอาน้ำมันโดยเฉพาะ) สำหรับส่วนที่เป็นดินแดนปาเลสไตน์นั้นอังกฤษก็ให้พวกราชวงศ์ฮัชไมต์อีกสายหนึ่งที่เคยร่วมมือกับอังกฤษรบกับออตโตมานในสงครามโลกครั้งที่สองมาตั้งประเทศจอร์แดนขึ้น เนื่องจากพวกฮัชไมต์สายนี้ถูกพวกวาฮาบีที่นำโดยราชวงศ์ซาอุดขับไล่ไปจากคาบสมุทรอาระเบีย ส่วนดินแดนที่เหลือของปาเลสไตน์นั้นพวกยิวกับอาหรับรบแย่งกันอยู่อังกฤษเห็นว่ายุ่งยากมากนัก (และไม่มีน้ำมันด้วย) เลยยกให้เป็นปัญหาของสหประชาชาติไป

อังกฤษได้ตั้งประเทศอิรักขึ้นโดยรวมเอาชาวเคิร์ดทางเหนือและชาวอาหรับที่นับถือสุหนี่และชีอะห์อยู่ตอนกลาง และตอนใต้เป็นชาวอาหรับชีอะห์ ซึ่งการขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติและศาสนานี่เองที่ทำให้มีการต่อสู้กันขนาดที่มีกบฏสุหนี่ยึดอำนาจและสังหารหมู่ทั้งกษัตริย์และราชวงศ์ฮัชไมต์ที่อังกฤษอุปโลกน์ขึ้นมา พวกสุหนี่และซัดดัม ฮุสเซน ก็ปกครองประเทศอย่างเผด็จการเด็ดขาดกดขี่ประชากรส่วนใหญ่ที่เป็นชีอะห์จนกระทั่งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐอเมริกา ได้บุกอิรักกำจัดซัดดัม ฮุสเซน และยกให้พวกอาหรับที่เป็นชีอะห์ขึ้นมาครองอำนาจเป็นรัฐบาลแทนจึงเกิดพวกไอซิสที่อึกทึกครึกโครมขึ้นมา ซึ่งไอซิสก็คือพวกอาหรับสุหนี่โดยบรรดาแม่ทัพนายกองของไอซิสก็คือทหารเก่าของซัดดัม ฮุสเซน นั่นเอง และไอซิสก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเหล่าประเทศอาหรับสุหนี่ ซึ่งพวกไอซิสก็ได้ประกาศก้องว่าจะทำลายเขตแดนที่ตั้งขึ้นจากข้อตกลงไซคส์-พิโกท์ โดยการรวมซีเรียกับอิรักเข้าด้วยกันนั่นเอง

สรุปก็คือปัญหาของภูมิภาคตะวันออกกลางทุกวันนี้มีรากฐานจากข้อตกลงลับไซคส์-พิโกท์ของอังกฤษและฝรั่งเศสภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และการที่สหรัฐอเมริกาได้เข้าไปรุกรานและยึดครองอิรักในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เมื่อ พ.ศ.2546 นั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือปัญหาในตะวันออกกลางทุกวันนี้ก็มาจาก 3 ประเทศมหาอำนาจตะวันตกที่เอ่ยชื่อมานี่แหละ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image