ฮิลลารีเหนือกว่า โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

REUTERS/Carlos Barria

นับจากวันนี้ในสองสัปดาห์ข้างหน้า สหรัฐอเมริกาจะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่

วันเลือกตั้งของสหรัฐตรงกับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน เมื่อเทียบกับบ้านเราก็จะตรงกับวันพุธที่ 9 พ.ย. ที่รู้ผลกัน

ปกติช่วงเวลานี้ในการเลือกตั้งสหรัฐนั้นยากจะคาดเดาได้ว่าตัวแทนพรรคใดจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ครั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของรีพับลิกัน กลับยอมรับเองว่า คะแนนตาม นางฮิลลารี คลินตัน แห่งเดโมเครติก หรือเดโมแครตอยู่เยอะ หลังมีโพลระบุว่าห่างกันเกิน 10 จุด

เพียงแต่การออกมายอมรับสภาพของนายทรัมป์นั้นมาพร้อมกับแรงฮึดว่าจะไม่ยอมจำนนง่ายๆ

Advertisement

ถ้านายทรัมป์ดูตัวอย่างการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครในบ้านเราเมื่อปี 2556 ก็อาจจะมีแรงบันดาลใจมากขึ้น เพราะตอนนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มีคะแนนนิยมสูง โพลไหนๆ ก็ให้เข้าวินทั้งนั้น

แต่เมื่อเจอทีเด็ดการหาเสียงด้วยการสร้างวาทกรรมทางการเมืองของฝ่าย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เข้าไป โดยเฉพาะช่วงสองสัปดาห์สุดท้าย นโยบายที่หาเสียงไว้ก็หมดพลังจะเอาชนะใจคนกรุงเทพฯ ได้

ฉะนั้นในกรณีของทรัมป์ก็อาจจะมีทีเด็ดแบบนี้บ้างเหมือนกัน และนางฮิลลารีก็คงจะไม่ประมาท

Advertisement

เพราะแรงสนับสนุนของกลุ่มฝ่ายขวานั้นหนักแน่น ลองได้เชื่ออะไรแล้วก็ไม่สั่นคลอนง่ายๆ ดังนั้นการออกมาลงคะแนนจึงยากที่จะพลิกล็อก

หนทางสู่เส้นชัยของนางฮิลลารีจึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้ผู้สนับสนุนออกมาลงคะแนน ไม่เบื่อหน่ายจนนอนหลับทับสิทธิไปเสียก่อน

ที่ผ่านมานางฮิลลารีแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ทำงานหนัก ผ่านงานใหญ่ๆ มาเยอะ ทั้งการเป็นวุฒิสมาชิก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

แม้ว่าการเป็นรัฐมนตรีดังกล่าวจะเป็นจุดอ่อนให้นายทรัมป์โจมตีผลงาน แต่จุดเด่นอย่างหนึ่งก็คือ นางฮิลลารีรับตำแหน่งนี้และทำงานกับ นายบารัค โอบามา ได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เคยพ่ายแพ้นายโอบามามาก่อนในศึกชิงตำแหน่งเป็นตัวแทนของเดโมแครต

คนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ อดทน รับฟังผู้อื่น รู้จักแสดงสปิริตเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมนั้น ถือเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้นำ

นางฮิลลารียังเป็นคนที่โชคดีที่มาเจอนายทรัมป์เป็นคู่แข่ง เพราะหลายครั้งที่นายทรัมป์ใช้วาทะตัดคะแนนตัวเอง

สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศไทย นางฮิลลารีมาไทยหลายครั้ง ทั้งในยุคนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ที่สำคัญ เคยเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่สมัยเป็นสตรีหมายเลขหนึ่ง พร้อม นายบิล คลินตัน ประธานาธิบดีคนที่ 42 ของสหรัฐ เมื่อ 25 พ.ย.2539 และเข้าเฝ้าฯอีกครั้งในฐานะ รมว.ต่างประเทศ พร้อม นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2555

ดังนั้น หากนางฮิลลารีชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.นี้ จะถือเป็นผู้นำสหรัฐคนสุดท้ายที่เคยได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image