ภาพเก่าเล่าตำนาน : รองเท้าหรู 1,060 คู่… ของมาดาม โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ดินแดนที่คลั่งไคล้การ “ตีไก่” … ต้องผูก “ใบมีด” …ที่ข้อเท้าไก่

ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านของไทย เป็นหมู่เกาะในทะเล ที่นั่งเครื่องบินไปราว 3 ชั่วโมงเศษ… คนไทยไม่ค่อยได้ยินข้อมูล-ข่าวสาร

หน้าตาคนฟิลิปปินส์…เหมือนคนไทยทั้งชาย-หญิง

ใช้ภาษาตากาล็อก (Tagalog) เลยถูกเรียกว่า ชาวตากาล็อก

Advertisement

ช่วง พ.ศ.2500 มีคนไทยไปเรียนหนังสือระดับปริญญามากพอสมควร เพราะไม่ไกลจากเมืองไทย ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ชาวตากาล็อกพูดภาษาอังกฤษแบบน้ำไหล-ไฟดับ ด้วยสำเนียงเฉพาะตัว… เป็น “จุดแข็ง” ไปทำงานได้ทั่วโลก

ช่วงเวลาต่อมา…พบว่า…มหาวิทยาลัยหลายแห่ง มีการซื้อขายใบปริญญากันเอิกเกริก ความแตก เลยหมดสภาพ “การรับรองคุณวุฒิ” จากหน่วยราชการของไทย

ประวัติของฟิลิปปินส์โดยย่อ…

Advertisement

พ.ศ.2062 มหาอำนาจสเปนได้ส่ง เฟอร์ดินันด์ แม็กเจลแลน (Ferdinand Magellan) นำกองเรือออกเดินทางสำรวจโลก

นักเดินเรือชาติมหาอำนาจยังไม่มีใครเชื่อว่า “โลกกลม” คิดว่าดินแดนมหาสมุทร ทั้งหลายต้องมี “จุดสิ้นสุด”… โลกมันแบน

แต่นักเดินเรือชาวสเปน เชื่อว่า “โลกกลม” ไม่กลัวตาย

กองเรือออกจากสเปน เสี่ยงตายข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก แล้วอ้อมทวีปอเมริกาใต้ตัดข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจนไปพบหมู่เกาะ

ตั้งชื่อหมู่เกาะนี้ว่า “ฟิลิปปินส์” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปน

การค้นพบหมู่เกาะตรงนี้ คือ การพิสูจน์ได้ว่า “โลกกลม”

แม่ทัพแม็กเจลแลนสั่งให้สำรวจพื้นที่หมู่เกาะ ทำแผนที่

ทหารสเปนลงไปสำรวจสภาพพื้นที่ หาน้ำดื่ม อาหาร …พบชนเผ่า ชาวเกาะอาศัยอยู่จำนวนมาก

ทหารสเปน… พยายามจะผูกมิตรกับชนเผ่าพื้นเมืองบนเกาะ หากแต่เกิดขัดใจกัน ทหารใช้อาวุธ สู้รบ ปะทะกับชาวพื้นเมืองที่เกาะแมคตัน ใกล้เกาะเซบู (Cebu)

แม่ทัพแม็กเจลแลนเสียชีวิตในการสู้รบ ทหารสเปนจากแดนกระทิงดุ มีกำลังน้อยกว่า ต้องถอยทัพออกจากเกาะ

นำเรือที่เหลือข้ามมหาสมุทรอินเดียกลับไปถึงสเปนในปีถัดมา

นี่เป็นการเดินทางรอบโลกครั้งแรกของมนุษย์

มหาอำนาจที่ “โคตรเก่ง” ทางทะเลในเวลานั้น คือ สเปน โปรตุเกส และฮอลันดา (เนเธอร์แลนด์) แล่นเรือไปในมหาสมุทร แบบมีหลักวิชา ที่ไม่มีใครเทียมทาน แย่งดินแดนใหม่ๆ กันสนุกสนาน

เรือเจอพายุ เรือล่ม จมท้องมหาสมุทรตายไปมหาศาล…

กองทัพสเปนไม่ยอมแพ้…ขอเดินหน้า จะพิชิตดินแดนตรงนี้

พ.ศ.2108 กษัตริย์สเปนรับสั่งให้ มิเกล โลเปซ เดอ เลกัสปี
(Miguel Lopez de Legaspi) นำกองเรือพร้อมทหาร มุ่งหน้าเดินทางมาหมู่เกาะฟิลิปปินส์อีกครั้ง

กองเรือได้เข้ายึดเกาะเซบู (Cebu Island) เป็นแห่งแรก

กองทัพรุกต่อไปยัง มะนิลา ตั้งกองบัญชาการของสเปน

ทยอยยึดเกาะต่างๆ แล้วจัดการปกครองแบบอาณานิคม

สเปนเผยแพร่คริสต์ศาสนา ก่อตั้งโรงเรียน โรงพยาบาล สร้างโบสถ์ สร้างป้อมปราการทางทหาร

ช่วง พ.ศ.2439 เกิดกระแสชาตินิยมต่อต้านสเปน ภายใต้การนำ ของ Rose Rizal

อีมิลิโอ อะกินัลโด (Emilio Aguinaldo) เป็นผู้นำ ในการเรียกร้องเอกราชจากสเปน เกิดการสู้รบ ขอเป็นเอกราช…

พ.ศ.2441 สเปนมอบเอกราชให้แก่ฟิลิปปินส์ หลังจากตกเป็นอาณานิคมนานราว 300 ปี

จัดระบบการปกครองตนเอง ล้มลุกคลุกคลาน…

12 มิ.ย. 2441 อีมิลิโอ อะกินัลโด เป็นประธานาธิบดีคนแรก

ในช่วงเวลานั้น เกิดสงครามระหว่างสเปนกับอเมริกาคู่ขนานกันไป (Spanish-American War) ในดินแดน “โลกใหม่” (ต่อมาคือ อเมริกา)

สเปนแพ้สงคราม จึงต้องยกดินแดนของสเปนให้อเมริกา

อเมริกาเข้าปกครองฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกากว่า 50 ปี (พ.ศ.2441-2489)

อเมริกาวางรากฐานการปกครอง มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง

มีประธานาธิบดีหมุนเวียนกันมา 9 คน…

ขอกล่าวถึงประธานาธิบดี “มาร์กอส” ครับ…

มาร์กอส เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2460 ในเมืองซาร์รัต จบการศึกษาทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ประกอบอาชีพทนายความ ต่อมา…เดินเข้าสู่ถนนการเมือง

1 พฤษภาคม พ.ศ.1954 เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส แต่งงานกับนางงามเลอโฉม ชื่อ อีเมลดา (Imelda Romualdez Marcos)

สาวงามผู้ทะเยอทะยานกลายเป็น “ลมใต้ปีก” ช่วยขับเคลื่อนนายมาร์กอสให้ทะยานสูงขึ้น จนถึงทำเนียบประธานาธิบดี

มีเรื่องเล่า “เบื้องหลัง” ความสำเร็จว่า…ใน พ.ศ.2508 ช่วงการรณรงค์หาเสียง อีเมลดาเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองในระดับชาติ เจรจาทุกฝ่ายให้สนับสนุนสามีของเธอ

ความสวยและความเยาว์วัยของเธอ ขจรขจาย ทำให้ชนชั้นแรงงานชาวฟิลิปปินส์มหาศาล ออกมาสนับสนุนมาร์กอสเมื่อต้องปราศรัย เพราะพวกเขาอยากเห็น “ภรรยาคนสวยของมาร์กอส”

แทบทุกครั้งในระหว่างการหาเสียง เธอได้รับการขอร้องให้ “ร้องเพลง” ซึ่งเธอก็สร้างความประทับใจแบบไม่มีใครทำได้

มีการแต่งประวัติใหม่ให้มาร์กอส ว่าชายผู้นี้ คือ “วีรบุรุษสงครามที่ทรงเกียรติที่สุดของฟิลิปปินส์” หากแต่สหรัฐมีเอกสารลับของกองทัพ ระบุว่า…เกียรติและการยกย่องมาร์กอส เป็นเรื่องหลอกลวงและไร้สาระ

พ.ศ.2508 เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ชนะการเลือกตั้ง เป็นประธานาธิบดีคนที่ 10 ของฟิลิปปินส์

อีเมลดาได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1

4 ปีแรก ฟิลิปปินส์เจริญรุ่งเรืองทันตาเห็น ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงรุก
อเมริกาก็สนับสนุนเต็มที่… งบประมาณไหลมาเทมา สหรัฐได้ตั้งฐานทัพเรือ ฐานทัพอากาศ อย่างโอ่อ่า
อีเมลดา มาร์กอส ภรรยาแสนสวย อดีตนางงามที่ชอบใช้ชีวิตแบบหรูหรา เปล่งปลั่งด้วยบารมี อำนาจสูงส่ง ขยับขึ้นมามีบทบาทสูงในการบริหารประเทศ พร้อมกับสามี

พ.ศ.2515 ก่อนวาระการดำรงตำแหน่งกำลังจะหมดลง…

มาร์กอสประกาศยึดอำนาจ ประกาศกฎอัยการศึก ทหาร ตำรวจ ที่มาร์กอสสร้างขึ้นมาให้การสนับสนุน

มาร์กอส และภรรยา เลือกที่จะใช้ “ระบบเผด็จการ” ปกครองประเทศ เขียนกฎหมายใหม่ เพื่อทำให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้โดยไม่มีกำหนด เข้าควบคุมสื่อสารมวลชน กำจัดฝ่ายค้านทางการเมือง ตั้งข้อหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์เป็นคอมมิวนิสต์

มาร์กอสที่เคยเป็นนักกฎหมาย เข้าควบคุมอำนาจศาลทั้งหมด

กองทัพและตำรวจ สังหารคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเมามัน

การคอร์รัปชั่น คือ วัฒนธรรมในการทำงานแบบเปิดเผย

ผู้คนหลายล้านใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้นในขณะที่หนี้ของประเทศเพิ่มสูงขึ้น หลายปีผ่านไป ประชาชนยังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้

มาร์กอสสร้าง “รัฐทหาร” แจกงบประมาณไปให้กองทัพแบบจุใจ…แถมต่ออายุให้บรรดานายพลให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา

ไม่น่าเชื่อ…แต่นี่ คือ เรื่องจริง

ระหว่างใช้กฎอัยการศึกปกครองประเทศ… อีเมลดา ภรรยาประธานาธิบดีคนสวย แต่งตั้งบรรดาญาติของเธอให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล เข้าไปควบคุมธุรกิจ ครอบครองงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

พ.ศ.2518-2529 เธอได้รับการแต่งตั้งจากสามี ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าการนครมะนิลา

ในช่วงเวลานี้… เธอจัดกิจกรรมสาธารณะ โดยใช้เงินทุนของประเทศเพื่อสนับสนุนภาพลักษณ์ของเธอและสามี

พ.ศ.2517 เธอสั่งให้จัดการประกวดนางงามจักรวาลในกรุงมะนิลาเป็นผลสำเร็จ

พ.ศ.2519-2528 เธอยังต้องไปควบตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์และนิเวศวิทยา

เธอใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก เดินทางไปประชุมต่างประเทศบ่อยครั้ง พร้อมกับการใช้จ่ายเงินแบบไม่อั้น โดยเฉพาะรองเท้า

มาร์กอสสนับสนุนสหรัฐทุกอย่างตามที่ต้องการ มาร์กอสปราบคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง ตรงกับผลประโยชน์ของสหรัฐ

ประการสำคัญ คือ สหรัฐให้เงินช่วยเหลือแบบอิ่มหนำสำราญต่อชนชั้นปกครอง ในขณะที่ชาวตากาล็อกยากจน ถูกกดขี่แสนสาหัส

สิงหาคม พ.ศ.2526 นายเบนิกโน อาคีโน ผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาแล้ว 3 ปี มุ่งมั่นที่จะนำประชาธิปไตยมาสู่ประเทศ ตัดสินใจบินกลับไปที่เมืองหลวงมะนิลา เป็นความหวังของประชาชนที่เกลียดชังตระกูลมาร์กอส

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2526 วินาทีที่นายอาคีโนก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายของเครื่องบินในกรุงมะนิลา เมื่อเท้าแตะพื้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มาดูแล ชักปืนขึ้นมายิงที่ศีรษะนายอาคีโนตายสยดสยองคาบันไดเครื่องบิน

ความตายของ เบนิกโน อาคีโน เกิดเป็นประกายไฟขึ้นมาทันที

ผู้คนนับหมื่นรวมตัวกันได้ แปรเปลี่ยนเป็น “พลัง” เรียกร้องประชาธิปไตย นางคอรี อาคีโน ภรรยาม่ายทำหน้าที่เป็นเสาหลัก ยืนหยัดต่อต้านเผด็จการมาร์กอส เรียกร้องการเลือกตั้ง

นายมาร์กอสทุจริตการเลือกตั้งครั้งใหญ่เพื่อจะอยู่ในอำนาจต่อไป ผู้คนนับล้านออกมาตามท้องถนน

ทหารในกองทัพปฏิเสธที่จะยิงใส่ฝูงชนที่ออกมาขับไล่

เพียง 4 วัน ของการแสดงพลังเกลียดชังครอบครัวมาร์กอส ได้รับการช่วยเหลือจากอเมริกา บินหนีไปเกาะฮาวาย

บองบอง มาร์กอส (บุตรชายคนเดียว) ที่พ่อตัวเองแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งขณะนั้นอายุ 28 ปี หลบหนีไปกับครอบครัว

มีเรื่องฮือฮาตามมา…ศุลกากรของรัฐฮาวายตรวจพบการนำของมีค่าติดตัวไปด้วยมหาศาล และเงินสดหลายสิบล้านดอลลาร์ในกระเป๋ายักษ์หลายสิบใบ

ฟิลิปปินส์แปรสภาพกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจตกต่ำ ด้อยพัฒนา หนี้สินล้นพ้น สังคมแตกแยก มีเหตุฆาตกรรม ยาเสพติด เกิดการสู้รบของกลุ่มมุสลิมทางตอนใต้

28 กันยายน พ.ศ.2532 มาร์กอสผู้อื้อฉาว ที่ลี้ภัยอยู่ในฮาวายได้ ..3 ปี ก็เสียชีวิต

เรื่องดังเปรี้ยงสนั่นโลก แบบเฮฮา คือ เมื่อครอบครัวของมาร์กอสต้องเผ่นหนีออกนอกประเทศ คือ การค้นพบรองเท้าแบรนด์เนมของอีเมลดา สื่อเสนอข่าวไปทั่วโลกว่า “ พบรองเท้าราว 3 พันคู่ใหม่เอี่ยม ราคาแสนแพงในทำเนียบ”

ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านแพงระยับทุกชิ้น

ครอบครัวนี้คอร์รัปชั่นเป็นเงินราวๆ 5-10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มาร์กอสและมาดาม ถูกรัฐบาลฟ้องในข้อหาฉ้อโกง

หลังมาร์กอสเสียชีวิต ประธานาธิบดี โคราซอน อาคีโน อนุญาตให้ครอบครัวมาร์กอส เดินทางกลับไปยังฟิลิปปินส์เพื่อต่อสู้คดี

พ.ศ.2536 ศาลฟิลิปปินส์ตัดสินว่าเธอมีความผิดฐานทุจริต

พ.ศ.2561 รัฐบาลฟิลิปปินส์ทยอยยึดทรัพย์สินและเงินสดคืนมาได้ประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์

(มีข่าวลือว่า มีการเจรจาลับเพื่อให้คืนเงินแลกกับการลงโทษ)

ทั้งสองมีลูก 4 คน คือ บองบอง มาร์กอส อีมี มาร์กอส เอมี มาร์กอส ไอรีน มาร์กอส

เธอและสามี ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊ก สำหรับ “การปล้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัฐบาล”

ทุกโอกาสที่พบสื่อมวลชน… เธอยืนกรานว่า “เฮ้ย รองเท้าของฉันมีเพียง 1,060 คู่เท่านั้น ไม่ใช่ 3 พันคู่…”

ล่าสุด…10 พ.ค. 2565 นายบองบอง มาร์กอส วัย 64 ปี บุตรของอดีตประธานาธิบดี มาร์กอส ชนะการเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียงมากกว่า 31 ล้านเสียง หรือมากกว่า 58% ของชาวตากาล็อก

เตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนที่ 17

ลูกสาวประธานาธิบดีดูแตร์เต เข้ามาเป็นรองประธานาธิบดี

มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์กันอื้ออึง…ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการตัดสินใจของชาวตากาล็อก ที่เทคะแนนให้อย่างถล่มทลาย

คนอเมริกันวัยดึก…จะบ่นพึมพำเสมอว่า… พวกฉันเสียภาษีทั้งหมด..เพื่อไปซื้อรองเท้าให้ อีเมลดา มาร์กอส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image