สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’

สถานีคิดเลขที่ 12 : ทำงาน ทำงาน ทำงานž

ยังไม่ทันได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ

ทว่า คาแร็กเตอร์การทำงานแบบ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์Ž ที่ปรากฏชัดเจนต่อสาธารณะแล้วหนึ่งข้อ ก็คือการตระเวนเข้าพื้นที่จริง (เข้าใจว่าชัชชาติคงไม่ชอบคำว่า ลงพื้นที่Ž สักเท่าไหร่) เพื่อไปสำรวจสภาพปัญหาต่างๆ พูดคุยทักทายพี่น้องประชาชน โดยบางครั้งก็มีกำหนดการแน่ชัด บางครั้งเป็นการด้นสดโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

นอกจากนี้ การทำงานดังกล่าวยังถูกถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดีย จนมีผู้คนจำนวนมากเฝ้าดูทางหน้าจอออนไลน์ และช่วยกันทำซ้ำ-เผยแพร่กระจายต่อให้คนอื่นๆ ได้รับทราบความเคลื่อนไหวของ ผู้ว่าฯ ชัชชาติŽ ตามไปด้วย

Advertisement

มีเรื่องน่าคิดต่อจากปรากฏการณ์เช่นนี้อย่างน้อยสองประเด็น

ประเด็นแรก การทำงานแบบชัชชาติŽ นั้นแยกไม่ออกจาก การสื่อสารทางการเมืองŽ

สำหรับสังคมการเมืองไทย ผู้นำคนหนึ่งที่ทำงานในลักษณะคล้ายคลึงกัน ก็เห็นจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรŽ

Advertisement

หลังยุคทักษิณ ดูเหมือนผู้นำไทยรายถัดๆ มา จะสื่อสารการเมืองได้ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เหตุผลสำคัญข้อหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะทุกคนต้องดำรงตำแหน่งอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง-แตกขั้วทางการเมืองขนานหนัก

หลังรัฐประหาร 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาŽ คล้ายจะพยายามทุ่มเทความสำคัญให้แก่ภารกิจการสื่อสารกับสาธารณชนอยู่ไม่น้อย

แต่ภาพที่ออกมามักจะเป็นการเล่นมุขแนวผู้ใหญ่กับผู้น้อย เจ้านายกับลูกน้อง หรือการเล่นตลกกับสัตว์และสิ่งของ

แม้แรกๆ อาจมี แฟนคลับลุงตู่Ž ที่ชื่นชอบและเออออห่อหมกไปกับการสื่อสารแนวทางนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป 8 ปี โดยไม่มีผลงานเชิงรูปธรรมที่จับต้องได้ คะแนนนิยมทางการเมืองเสื่อมทรุดลงเรื่อยๆ แถมพรมแดนทางวัฒนธรรมของขั้วอนุรักษนิยมยังถูกรุกคืบ

การสื่อสารแบบลุงตู่Ž จึงมัดใจใครเอาไว้ไม่ได้ แม้กระทั่ง (อดีต) กองเชียร์ของตัวเอง

เห็นได้จากการปาฐกถาล่าสุดที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแปรสภาพกลายเป็นอารมณ์หงุดหงิดใจและความสิ้นหวังของคนส่วนใหญ่ (พร้อมๆ กับการมองเห็นความหวังใหม่ๆ อุบัติขึ้นที่กรุงเทพฯ)

ประการถัดมา สื่อมวลชน-คนตามการเมืองบางส่วน มีแนวโน้มจะประเมินว่านี่คือช่วงเวลา ฮันนีมูนŽ สำหรับชัชชาติ อันจะนำไปสู่ความกระตือรือร้นในการออกพบปะผู้คนในย่านต่างๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ อย่างถี่ยิบ

แต่พอต้องรับงานผู้ว่าฯกทม. อย่างเป็นกิจจะลักษณะ กิจกรรมข้างต้นก็คงลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายน่าจะต้องเผื่อใจ-เตรียมแรงเอาไว้ด้วยว่า การทำงาน-สื่อสารการเมืองในรูปแบบดังกล่าวอาจเป็นกิจวัตรที่จะเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอไปอีกสี่ปีนับจากนี้

ไม่ใช่เพียงเพราะความขยัน ทำงาน ทำงาน ทำงานŽ ส่วนบุคคลของ ผู้ว่าฯ ชัชชาติŽ เอง

หากนี่ยังเป็นวิถีทางของ อินฟลูเอนเซอร์Ž สมัยใหม่ ที่จะต้องผลิต คอนเทนต์Ž ต่างๆ ไว้รองรับคนดู-แฟนคลับจำนวนมหาศาล อย่างไม่ขาดตกบกพร่องอยู่ตลอดเวลา

หรือถ้าพิจารณาในกรอบของการ ทำงานข่าวŽ นี่อาจมิใช่ภาวะ ชัชชาติฟีเวอร์Ž ที่เกิดขึ้นแค่ชั่วครู่ชั่วคราว แต่ยังเป็นกระแสการเมืองที่ไหลเลาะเข้าสู่การรับรู้ของผู้คนไปได้เรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน ประดุจดัง เส้นเลือดฝอยŽ ที่เชื่อมโยงไปจุดนู้นจุดนี้ไม่รู้จบ

พูดกันในเชิงการตลาดของอุตสาหกรรมสื่อ ข่าวชัชชาติŽ อาจมีจุดร่วมกับ ข่าวลุงพลŽ หรือ ข่าวคดีแตงโมŽ ที่สามารถสร้างยอดวิวได้สูงในระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน (เพียงแต่ข่าวชัชชาติŽ ยังให้ความหวังแก่ผู้คน และไม่ข้องเกี่ยวกับอาชญากรรม)

บางคนวิตกกังวลว่า กระแสทำนองนี้จะพัดพาชัชชาติไปเผชิญหน้ากับลัทธิบูชาบุคคลหรืออาการคลั่งไคล้ฮีโร่แบบไทยๆ ที่ทำลายคนมานักต่อนัก

แต่มองอีกมุม นี่อาจเป็น วิถีปกติใหม่Ž ที่ผู้นำของระบอบประชาธิปไตยและผู้นำของคนส่วนใหญ่ ยากจะหลีกเลี่ยงได้พ้น

ปราปต์ บุนปาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image