โหยหาอัศวิน โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

ผ่าน 22 พฤษภาคม 2557 มาได้ปีครึ่งกว่าๆ บรรดาคนที่มีส่วนร่วมอย่างสำคัญเพื่อให้บ้านเมืองเราต้องหยุดประชาธิปไตย ต้องการให้มีปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ต้องการอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาแก้ไขปัญหา ถึงวันนี้บรรดาคนเหล่านี้เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่

แต่ก็มีบางรายได้บทสรุปชัดเจนแล้วว่า “นี่คือสิ่งที่ผมทำผิดมหันต์ในชีวิต”

กรณีการตั้งคำถามกับตัวเอง หรือกรณีที่ได้บทสรุปว่าผิดมหันต์นั้น เพราะได้รับผลกระทบด้วยตัวเองหรือต่อเครือข่ายตัวเอง จากอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เข้าทำนองโดนเข้ากับตัวเอง แล้วจึงรู้สึกได้ว่าอำนาจพิเศษนั้นมีด้านที่ก่อปัญหาอย่างหนักหน่วงต่อตนเองและเครือข่าย

Advertisement

ถ้าจะกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ที่เป็นข่าวร้อนๆ ในระยะนี้ ได้แก่ ชาวสวนยาง เครือข่าย “สสส.” หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ไปจนถึงในแวดวงสาธารณสุข

อันเป็นกลุ่มพลังสำคัญที่ร่วมกันเป่านกหวีดขับไล่รัฐบาลที่เรียกว่าทุนสามานย์ เรียกหาการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

Advertisement

แต่ผลที่เป็นจริงในทางปฏิบัติก็คือ รัฐบาลจากการเลือกตั้งล้มลง ประชาธิปไตยต้องปิดซ่อมแซม ต้องปฏิรูปก่อนจึงทำให้ประเทศนี้ไม่มีการเลือกตั้ง ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิใช้เสียงทางการเมืองได้หลายปี

และในช่วงระหว่างการจัดระเบียบบ้านเมืองนั้น ต้องให้ทุกอย่างนิ่ง ต้องไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ไม่มีแสดงความคิดเห็นที่จะนำไปสู่การถกเถียงอันแปลว่าเกิดความแตกแยก

ความจริงกลุ่มคนในระดับแกนนำหรือที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเป่านกหวีด ล้วนรู้อยู่ลึกๆ ในใจตลอดการเคลื่อนไหวช่วงปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 ว่าทั้งหมดนี้จะนำไปสู่อะไร

เฝ้ารอวันเวลาที่จะมีอัศวินควบรถถังเข้ามาควบคุมการปกครอง แล้วหยุดพวกนักการเมืองที่เชื่อกันว่าฉ้อโกงทำลายชาติ

จนกระทั่งมาถึงจริงๆ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก่อนจะนำมาสู่บทรำพึงรำพันในต้นปี 2559 ทำนองว่าไม่น่าทำผิดอย่างมหันต์เลย

แต่อันที่จริงแล้ว บ้านเมืองเราได้ผ่านเหตุการณ์ที่มีอัศวินม้าขาวเข้ามาปกครองแล้วหลายต่อหลายอัศวิน

ทำไมจึงมองไม่ออกว่าสภาพบรรยากาศจะเป็นเช่นไร

ก็ถ้าทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว เพื่อปูทางให้อัศวินเหล่านี้เข้ามา เขาก็ต้องบริหารบ้านเมืองด้วยสไตล์แบบนี้แหละ

อัศวินนักรบ ก็ต้องเป็นนักรบ

เมื่อนักรบเข้ามาดูแลบ้านเมือง เขาก็ต้องเข้ามาจัดการด้วยท่วงทำนองแบบนี้แหละ

ดาบอำนาจพิเศษต้องกวัดแกว่งใส่ปัญหาในสายตาอัศวินอย่างดุดันเด็ดขาด ไม่มีปราณีปราศรัย

จนกระทั่งวันหนึ่งโดนดาบอันคมกริบของอัศวินบาดเข้าให้ จึงเริ่มเจ็บปวดรวดร้าวและเริ่มมีคำถามต่อตัวเองหรือเริ่มมีบทสรุป

ทั้งที่เป็นชนชั้นกลางที่มีความครบพร้อม เป็นปัญญาชนที่มากด้วยความรู้ ก็น่าแปลกที่ไม่เคยรู้ว่ายุคอัศวินม้าขาวจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หนักหนากว่านั้น แทนที่จะรู้ว่าโลกและสังคมประเทศพัฒนาไปไกล การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการเชื่อมโยงทั่วโลกสลับซับซ้อน เกินกว่าที่จะย้อนยุคไปสู่สังคมที่อัศวินม้าขาวเป็นฮีโร่ได้อีกแล้ว

ก็ยังทำกันทุกอย่างเพื่อปูทางให้ยุคอัศวินม้าขาวกลับคืนมาอีก

แล้วในวันที่กำลังลงมือถากถางปูทางให้อัศวินม้าขาวนั้น มีคนคิดต่างโต้แย้งและตักเตือนว่า ทางออกที่ดีที่สุดต้องให้อำนาจอยู่กับประชาชนเช่นเราๆ ท่านๆ ต่อไป ร่วมกันเรียนรู้และพัฒนา ร่วมกันผลักดันให้การเมืองไทยก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ช้าหน่อย แต่เป็นการก้าวไปร่วมกันของประชาชนทั้งมวล

กลับชี้หน้าพิพากษาว่าเป็นพวกทาสนักการเมือง

แล้วก็ช่วยกันนำอำนาจของคนทั้งประเทศไปมอบให้อัศวินม้าขาวเอาไปใช้แทน

ลงเอยต้องมานั่งรำพึงรำพันกันในวันนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image