หมอกควันศก.

อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนมิถุนายน จบครึ่งปีแรกไปด้วยหมอกควันที่ปกคลุมเศรษฐกิจ

แลหลังไปดูช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่พิษโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ยังระบาด แม้อาการจะไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลต้า แต่แพร่ได้เร็วทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมาก

ดังนั้น รัฐบาลยังไม่คลายล็อกกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานบันเทิง และการเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามา ทำให้ภาคการท่องเที่ยวไม่มีแรงส่งที่จะมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันมีวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน เข้ามาซ้ำเติมอีก ยิ่งทำให้เศรษฐกิจของโลก รวมทั้งไทย ได้รับผลกระทบอย่างหนักกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซ แพงขึ้น รวมถึงวัตถุดิบต่างๆ ทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารคน

Advertisement

เมื่อเจอวิกฤตหนักๆ 2 เด้ง เศรษฐกิจหลายประเทศพัง บางประเทศถึงกับล้มละลาย อย่างศรีลังกา ที่มีหนี้มหาศาล แต่ไร้รายได้เข้าประเทศ ทำให้ขาดเงินตราต่างประเทศเพื่อนำไปชำระค่าสินค้านำเข้าที่จำเป็น

ทำให้สินค้าหลายอย่างขาดแคลนและราคาแพง ทั้งอาหาร ยารักษาโรค โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ขาดแคลนหนักชาวศรีลังกาต้องเข้าคิวรอซื้อน้ำมันนานถึง 4-5 วัน อีกทั้งไฟฟ้าหลายพื้นที่ถูกตัด

สำหรับประเทศไทยแม้สถานการณ์ยังห่างไกลจากศรีลังกา แต่ก็มีปัญหาทับซ้อนกันไม่น้อย

Advertisement

จากราคาพลังงานแพง ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และวัตถุดิบนำเข้าหลายอย่าง เช่น วัตถุดิบอาหารสัตว์ ปุ๋ย

เมื่อต้นทุนวัตถุดิบราคาแพง สินค้าหลายอย่างจึงต้องปรับขึ้นราคา ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นตาม ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคม เงินเฟ้อพุ่งไปถึง 7.1% แต่รายได้กลับไม่เพิ่มขึ้น แถมบางคนรายได้ยังลดด้วยซ้ำ ทำให้ช่องว่างระหว่างรายจ่ายกับรายได้ถ่างมากขึ้น

ส่วนการแก้ปัญหาก็ยุ่งยากมากเพราะเกี่ยวพันกันหลายเงื่อนไข หลากปัจจัย

แต่หลักๆ คือต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพราะได้รับแรงกระทบอย่างมาก

นอกจากนี้ จะต้องไม่ให้สินค้าขาดแคลน แม้ราคาสินค้าจะแพงตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ร้ายเท่ากับสินค้าขาดแคลน เพราะจะทำให้ปัญหารุนแรงกว่ามาก

อีกทั้งแสวงหาวิถีทางเพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบหลักๆ อย่างน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาขึ้นอยู่กับตลาดโลก ก็ต้องพยายามพยุงราคาไม่ให้สูงขึ้นมากเกินไป โดยเฉพาะน้้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจี

จึงต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจี ทำให้ขณะนี้กองทุนติดลบใกล้จะแตะ 1 แสนล้านบาทแล้ว

เป็นส่วนหนึ่งในการพยุงปัญหารุนแรงและขยายวงมากเกินไป แต่ต้องแลกด้วยต้นทุนที่สูงไม่น้อย

นั่นคือสถานการณ์ที่ผ่านมาในช่วง 6 เดือนแรก และยังอยู่สภาพนี้ต่อไปสักระยะในช่วงรอยต่อครึ่งปีหลัง

รอปัจจัยบวกมาช่วย นั่นคือภาคการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะมีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น หลังรัฐบาลเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทย 7-10 ล้านคน แม้ตัวเลขจะห่างไกลจากเดิมก่อนโควิดระบาด ที่เคยมาไทย 40 ล้านคน แต่ยังดีกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงโควิดระบาด ที่แทบจะไม่มีต่างชาติเข้ามาเลย

อีกทั้ง ยังปลดล็อกให้สถานบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นผับบาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ให้กลับมาเปิดบริการอีกครั้ง จะทำให้มีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

เมื่อภาคท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเดินเครื่อง สถานบันเทิงต่างๆ ได้เปิดบริการอีกครั้ง ขณะที่การส่งออกยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจึงมีความหวังว่าหมอกควันเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะจางหายไปได้บ้าง

สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image