ลิทัวเนีย : หมูท้าราชสีห์รบ

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ ได้ทราบข่าวที่ประเทศลิทัวเนียสั่งห้ามการขนสินค้าหลายรายการจากรัสเซียไปยังแคว้นคาลินินกราด (แคว้นคาลินินกราดเป็นเขตการปกครองของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลบอลติก ณ ดินแดนพ้นชายขอบของประเทศรัสเซียออกไป โดยมีชายแดนติดกับประเทศโปแลนด์ทางทิศใต้ และติดกับประเทศลิทัวเนียทางทิศตะวันออกและทิศเหนือ มีระยะห่าง
จากมอสโก 1,289 กิโลเมตร มีพื้นที่โดยรวม 15,100 ตารางกิโลเมตร คือประมาณเดียวกับจังหวัดอุบลราชธานีของไทยเรา มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือที่สำคัญของรัสเซียซึ่งมีขีปนาวุธที่ติดหัวระเบิดนิวเคลียร์ติดตั้งอยู่ในแคว้นคาลินินกราดแห่งนี้ด้วย) โดยผ่านดินแดนของลิทัวเนีย ซึ่งรายการสินค้าที่ห้ามขนส่งผ่านดินแดนของลิทัวเนียนั้นมีถ่านหิน โลหะหลายชนิด วัสดุก่อสร้าง และสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง รวมอยู่ด้วย ซึ่งสินค้าเหล่านี้คิดเป็น 50% ของสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าไปยังแคว้นคาลินินกราด

ผู้เขียนจึงระลึกถึงโคลงโลกนิติที่เคยท่องจำสมัยเด็กๆ ขึ้นมาทันที ดังนี้

หมูเห็นสีหราชท้า        ชวนรบ
กูสี่ตีนกูพบ           ท่านไซร้
อย่ากลัวท่านอย่าหลบ     หลีกจาก กูนา
ท่านสี่ตีนอย่าได้        วากเว้วางหนี

คือหมูผู้กินและเกลือกกลั้วกับสิ่งสกปรกมาพบเจอราชสีห์แล้ว ไม่คิดกลัว กลับท้าให้มาสู้กัน
สีหราชร้องว่าโอ้      พาลหมู
ทรชาติครั้นเห็นกู     เกลียดใกล้
ฤามึงใคร่รบดนู      มึงนาศ เองนา
กูเกลียดมึงกูให้      พ่ายแพ้ ภัยตัว

Advertisement

ราชสีห์จึงว่าตนจะยอมให้หมูชนะ เพราะรังเกียจความสกปรกของหมูจนทนไม่ไหว ไม่อยากเข้าใกล้

อีทีนี้มารู้จักกับประเทศลิทัวเนียที่เป็นประเทศเล็กๆ ที่กล้ากระตุกหนวดหมีรัสเซียกันสักหน่อย สาธารณรัฐลิทัวเนียเป็นประเทศในภูมิภาคบอลติกของยุโรป เป็นหนึ่งในสามรัฐบอลติกและตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลบอลติก มีอาณาเขตติดต่อกับลัตเวียทางทิศเหนือ ติดต่อกับเบลารุสทางทิศตะวันออกและทิศใต้ ติดต่อกับโปแลนด์ทางทิศใต้ และติดต่อกับแคว้นคาลินินกราดของรัสเซียทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลิทัวเนียมีเนื้อที่ 65,300 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่ประมาณ จ.นครราชสีมา จ.เชียงใหม่ จ.กาญจนบุรี และ จ.มหาสารคาม รวมกัน) และมีประชากร 2.8 ล้านคน เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือวิลนีอัส ชาวลิทัวเนียจัดอยู่ในกลุ่มภาษาศาสตร์ชาติพันธุ์บอลต์ และพูดภาษาลิทัวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษากลุ่มบอลต์เพียงไม่กี่ภาษาที่ยังมีผู้ใช้อยู่ในปัจจุบัน

คราวนี้ท่านผู้อ่านที่เคารพก็ควรต้องรู้จักกลุ่มประเทศบอลติกเล็กๆ 3 ประเทศ คือเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ทั้ง 3 ประเทศนี้เป็นรัฐโบราณเก่าแก่ในแถบทะเลบอลติก บางรัฐ เช่น ลิทัวเนียก็เคยยิ่งใหญ่ถึงขนาดมีดินแดนครอบคลุมยูเครนและรัสเซียด้วยซ้ำ แต่ประวัติศาสตร์บอกเราว่า ดินแดนพวกนี้จึงถูกกลืนบ้าง ถูกเฉือนแผ่นดินกลายเป็นรัฐย่อมๆ บ้าง และสิ้นชาติไปเลยในบางช่วง กระทั่งในศตวรรษที่ 19 เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซียอยู่ร่วมร้อยปี

Advertisement

จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และการล่มสลายของจักรวรรดิรัสเซีย ทำให้เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ฉวยโอกาสประกาศเอกราชอยู่ได้ 20 ปี แต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกสหภาพโซเวียตผนวกเอาเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตอีก

ทั้ง 3 ชาตินี้คือเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ถูกรัสเซียผนวกดินแดนถึง 2 ครั้ง แต่ละครั้งจะถูกห้ามใช้ภาษาของตนและถูกกดขี่เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกับประเทศรัสเซียผู้ปกครอง แต่แม้จะถูกกดขี่หลายสิบปีจนถึงนับร้อยปี ชาวรัฐบอลติกก็ยังคงรักษาอัตลักษณ์ของตนเอาไว้ได้ เมื่อมีโอกาสได้ประกาศเอกราชอีกครั้งหนึ่งเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงเมื่อ พ.ศ.2534 ทั้ง 3 ประเทศนี้จึงมุ่งหน้าสมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การนาโตและสหภาพยุโรปเพื่อเป็นหลักประกันในเอกราช เสรีภาพและอธิปไตย และได้เป็น
สมาชิกของทั้ง 2 องค์การระหว่างประเทศนี้พร้อมกันทั้ง 3 ประเทศใน พ.ศ.2547

สาเหตุสำคัญที่ทั้ง 3 ประเทศเล็กๆ กลุ่มบอลติกมีความต้องการอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเข้าเป็นสมาชิกองค์การนาโตให้ได้ก็เนื่องจากในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มาตรา 5 กำหนดว่า หากประเทศสมาชิกของนาโตประเทศใดถูกโจมตีจากประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกของนาโตแล้ว บรรดาประเทศสมาชิกนาโตทั้งหมดต้องถือว่าอยู่ในสถานะสงครามกับประเทศที่ทำการโจมตีนั้นโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหลักประกันที่ประเทศเล็กๆ ต่างใฝ่ฝันยิ่งนัก

ส่วนสหภาพยุโรปเป็นสหภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง ประกอบด้วยรัฐสมาชิก 27 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป สหภาพยุโรปพัฒนาตลาดเดี่ยวภายในสหภาพและเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับประเทศสมาชิก ซึ่งเน้นระบบการเมืองของประเทศสมาชิกต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น

ดังนั้น การที่ลิทัวเนียสั่งห้ามการขนสินค้าหลายรายการจากรัสเซียไปยังแคว้นคาลินินกราดนั้น ลิทัวเนียอ้างว่าทำตามนโยบายของสหภาพยุโรปที่มีมติบอยคอตสินค้าต้องห้ามต่างๆ เป็นการลงโทษประเทศรัสเซียที่รุกรานยูเครนนั่นเอง ทำให้ลิทัวเนียสามารถทำการท้าทายรัสเซียได้อย่างไม่กลัวเกรง เนื่องจากลิทัวเนียมั่นใจในมาตรา 5 ของสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่ารัสเซียคงไม่กล้าดำเนินการทางทหารต่อลิทัวเนียแน่ๆ

ครับ ! เวลาก็ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์แล้วรัสเซียคงยอมให้ลิทัวเนียชนะไปในครั้งนี้อย่างแน่นอน

กวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image