ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่45 : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ทุกปี ค.ศ.ที่หารด้วยเลข 4 ลงตัว จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน1 ใน 3 และสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งตำแหน่งผู้ว่าการมลรัฐ การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ.2016 ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งก็จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ดังนั้น เหลืออยู่อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาแล้ว

ปกติแล้วการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้งก็พอคาดการณ์ได้แล้วจากผลการสำรวจซึ่งค่อนข้างจะแม่นยำเสมอ ไม่เหมือนกับผลการสำรวจของสำนักสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเมืองไทย ที่มีอยู่ 3-4 สำนัก ทายถูกบ้างผิดบ้างโดยเฉพาะผลของการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร

แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ ผลของการสำรวจหรือโพลหลายสำนักครั้งล่าสุด หลังจากการโต้คารมกันครั้งที่ 3 คะแนนห่างกันเพียง 3-4 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากการโต้กันของผู้สมัคร 2 พรรคใหญ่คือพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับริกันแล้วก็เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อเอฟบีไอ หรือสำนักสอบสวนของสหรัฐออกมากล่าวหานางฮิลลารี คลินตัน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จากการสอบสวนของเอฟบีไอ พบว่าขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นางคลินตันสะเพร่าหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เพราะใช้อีเมล์หรือ “electronic mail” ส่วนตัวส่งเอกสารและหนังสือราชการที่เป็นหนังสือราชการประทับตราลับ ลับมากหรือลับที่สุด แทนที่จะใช้อีเมล์ของทางการรับส่งหนังสือที่เป็นหนังสือราชการดังกล่าว เพื่อป้องกันความลับของทางราชการรั่วไหล เพราะการส่งเอกสารผ่านอีเมล์ส่วนตัวนั้นง่ายต่อการทำจารกรรม เจาะข้อมูลโดยฝ่ายตรงกันข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัสเซียและจีน อันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสะเพร่าหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงระดับรัฐมนตรีว่าการ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผิดระเบียบการรักษาความลับของทางราชการ ซึ่งมีทุกประเทศ

ขณะนี้จึงไม่แน่ใจว่านางฮิลลารี คลินตัน จะสามารถชนะการเลือกตั้งคราวนี้หรือไม่ ทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้ของนางฮิลลารี คลินตัน มีประวัติความเป็นมาที่มีจุดอ่อนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเพศ ที่สังคมอเมริกันขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตมาก ทั้งๆ ที่สังคมอเมริกันเป็นสังคมที่มีความสำส่อนทางเพศสูงที่สุดประเทศหนึ่ง สังคมอเมริกันเป็นสังคม “ปากว่าตาขยิบ” อย่างน้อยก็เรื่องนี้

Advertisement

นอกจากจะมีอดีตที่ฉาวคาวโลกีย์แล้ว นายโดนัล ทรัมป์ ยังเป็นคนพูดมาก พูดเรื่อยเปื่อย จริงบ้างเท็จบ้าง และมีความคิดต่อต้านหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการประชาธิปไตย ซึ่งเป็นอุดมการณ์และค่านิยมของคนอเมริกัน เช่น จะขับไล่คนอพยพออกไปจากสหรัฐ ทั้งๆ ที่ประชากรอเมริกันทั้งหมดก็เป็นลูกหลานของคนที่อพยพมาจากที่อื่นทั้งนั้น แม้แต่อินเดียนแดงก็เชื่อว่าอพยพไปจากเอเซีย โดยการเดินทางข้ามช่องแคบแบริ่ง
คนผิวขาวก็อพยพมาจากยุโรป คนผิวดำก็ถูกกวาดต้อนมาจากแอฟริกา คนผิวเหลืองก็อพยพไปเป็นกรรมกรสร้างทางรถไฟ ไม่มีใครเป็นคนท้องถิ่นอย่างแท้จริงเลย

อุดมการณ์ในเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐธรรมนูญรับรอง เพราะบรรพบุรุษชาวอเมริกันที่อพยพมาจากยุโรปเมื่อ 400 ปีก่อน ก็เพราะถูกกดขี่ในเรื่องศาสนา ถูกบังคับให้ต้องนับถือศาสนาที่กษัตริย์ในยุโรปนับถือ ถ้าอยากจะอยู่ในประเทศนั้น มิฉะนั้นจะถูกลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต เมื่อพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษตั้งนิกายศาสนาของอังกฤษเอง ไม่ยอมรับพระสันตะปาปาว่าเป็นประมุขของศาสนจักรในอังกฤษ และเล่นงานคนที่ไม่ยอมรับหรือคนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่น ผู้คนเหล่านี้จึงอพยพมาแสวงหาเสรีภาพใน “โลกใหม่” หรือทวีปอเมริกาเหนือ การที่นายโดนัล ทรัมป์ ประกาศจะขับไล่ชาวมุสลิมที่อยู่ในสหรัฐออกไปจากประเทศสหรัฐ ก็เป็นการประกาศที่ขัดกับอุดมการณ์ของสังคมอเมริกันเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน ดีที่ยังไม่ประกาศว่าจะขับไล่คนอเมริกันที่นับถือศาสนายิว และพวกที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกออกไปด้วย เพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์เป็นส่วนใหญ่ การต่อต้านชาวมุสลิมและผู้อพยพหนีสงครามอิรักและซีเรีย น่าจะเป็นการปลุกปั่นให้ความใจกว้างในเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนาสิ้นสุดลง

ผู้นำพรรครีพับลิกันหลายคนประกาศลงคะแนนเลือกฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่คงจะทนต่อความกักขฬะ หยาบคาย พูดจาโกหกพกลมของนายโดนัล ทรัมป์ ไม่ได้ ถึงพากันประกาศไม่สนับสนุนผู้สมัครประธานาธิบดีในนามของพรรครีพับลิกัน

Advertisement

ขณะที่นายโดนัล ทรัมป์ ผู้สมัครพรรครีพับลิกันกำลังเพลี่ยงพล้ำจากประวัติส่วนตัว จากการพูดโกหก จากการไม่มีวิสัยทัศน์และจากการไม่มีอุดมการณ์ที่เป็นอารยะนางฮิลลารีก็มีปัญหาเมื่อคราวเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นบุคคลหมายเลข 3 รองลงมาจากประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ด้วยความไม่รอบคอบและอาจจะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ถ้าหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแล้วอาจถูกวุฒิสภาถอดถอนเพื่อให้อัยการดำเนินคดีทางศาลได้ ผู้ที่จะทำหน้าที่แทนประธานาธิบดีก็คงจะเป็นรองประธานาธิบดี ชาวอเมริกันจึงมองไปยังผู้ที่นางฮิลลารีเลือกเป็น
ผู้สมัครเป็นรองประธานาธิบดีคู่กับตน เพราะมีโอกาสสูงมากที่ชาวอเมริกันจะได้นายทิม เคน ผู้สมัครรองประธานาธิบดีเป็นผู้ทำการแทนประธานาธิบดี เช่นเดียวกับนายลินดอน เบน
จอห์สัน ทำหน้าที่แทนประธานาธิบดีเคเนดี ที่ถูกลอบยิงถึงแก่อสัญกรรม หรือนายเจอรัลด์ ฟอร์ด รองประธานาธิบดีที่ต้องทำหน้าที่แทนประธานาธิบดีนิกสัน เมื่อนายนิกสันถูกวุฒิสภาถอดถอนจากการเป็นประธานาธิบดีในกรณีวอเตอร์เกต ที่ใช้อำนาจประธานาธิบดีดักฟังโทรศัพท์ของฝ่ายตรงกันข้าม

ปัญหาของชาวอเมริกันที่เป็นกลางๆ และเป็นผู้นำทางความคิด ซึ่งได้แก่ผู้มีการศึกษา ผู้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่คอยให้สติและชี้นำสังคมอเมริกันรวมทั้งสื่อมวลชน ก็คือไม่ว่านายโดนัล ทรัมป์ หรือฮิลลารี คลินตัน คนใดได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีก็จะมีปัญหาทางจริยธรรมทั้งนั้น ถ้านายโดนัล ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาก็คงจะอยู่ไม่ได้ตลอด 4 ปี แต่ถ้านางฮิลลารีได้รับเลือกตั้งก็อาจจะถูกถอดถอนในภายหลังจากเป็นประธานาธิบดี แล้วก็จะได้รองประธานาธิบดีทำหน้าที่ประธานาธิบดี ทางเลือกทั้ง 2 ทางเป็นทางเลือกที่เหมือนจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ความจริงก็ยังแตกต่างกันมาก เพราะถ้าเลือกผู้แทนของพรรคเดโมแครตน่าจะเสี่ยงน้อยกว่าลงคะแนนให้นายโดนัล ทรัมป์ เพราะถ้าได้นายโดนัล ทรัมป์ แล้วถ้าระบบราชการของสหรัฐอเมริกาไม่แข็งพอที่จะทัดทานได้ ถ้าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของมหาอำนาจหนึ่งเดียวอย่างสหรัฐอเมริกา โลกทั้งโลกคงจะปั่นป่วน และอาจจะเกิดสงครามโลกได้ โดยเริ่มจากสงครามในตะวันออกกลาง กองทัพผู้อพยพชาวมุสลิมบุกยุโรป

เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนคิดถึงคำทำนายของนอสตราดามุส ที่เคยถูกตีความว่าจะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ระหว่าง “โลกใหม่” กับ “ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า” ซึ่งถูกตีความว่าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ สงครามโลกครั้งที่ 3 นี้รัสเซียจะจับมือกับอเมริการบกับจีน ซึ่งเมื่อก่อนนี้เราคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เป็นไปไม่ได้

สัปดาห์หน้าก็คงจะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนทั่วโลกเฝ้าติดตามใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลาว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพราะคะแนนนิยมของทั้ง 2 ฝ่ายใกล้เคียงกันมาก ผลของการสำรวจครั้งสุดท้ายแพ้ชนะกันเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สำหรับสื่อมวลชนไทยดูจะเอนเอียงไปทางนางฮิลลารี คลินตัน มากกว่านายโดนัล ทรัมป์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าคงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในวงการเมืองของสหรัฐอเมริกา

ไม่ว่าฮิลลารีหรือทรัมป์ ใครจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image