งานเสวนา “ทางเลือกและทางรอดของ SMEs” ที่จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและบริษัท โพสต์ พับลิชชิง โดยมีผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่ร่วม “โครงการ SMEs Sping Up” มากกว่า 200 คน ในวันนั้นวิทยากรชื่อดังหลายท่านให้ข้อคิดเห็นที่ดียิ่งซึ่งเน้นให้ SMEs ให้ความสำคัญกับการต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้อยู่รอดและเติบโตต่อไป
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ SMEs ไทยมีปัญหา จะมาจากปัจจัยภายนอกและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการที่ไม่ได้เตรียมแผนรองรับไว้ รวมทั้งกรณีที่เกิดวิกฤตทางด้านการเงิน ซึ่งต้องมีแผนรับมือไว้เช่นกันด้วย ส่วนปัญหาด้านบุคลากรที่จะต้องพัฒนาให้มีศักยภาพสูงขึ้น คือการสร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มุ่งพัฒนาบุคลากร รวมถึงผู้นำในองค์กรให้มีศักยภาพ สามารถนำพาธุรกิจไปในทิศทางถูกต้อง และจะต้องทำธุรกิจอย่างโปร่งใสด้วยบัญชีเดียว
สิ่งที่ SMEs ไทยจะต้องเร่งดำเนินการคือการสร้างแบรนด์สินค้า และการมุ่งรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจ รวมถึงการสร้างความพร้อมเพื่อให้ก้าวสู่ระบบดิจิทัลเพื่อเข้าสู่ยุคของ “สู่อุตสาหกรรม 4.0” และ “ประเทศไทย 4.0” ตามนโยบาย
ของรัฐบาล
การเป็น “SMEs 4.0” จะมีลักษณะดังนี้ (1) การเป็น Smart SMEs (2) การเป็นองค์กรขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (3) การก้าวสู่ตลาดโลกที่ต้องมองตลาดโลกไม่ใช่แค่ตลาดในประเทศ รวมทั้งการหาพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทต่างประเทศ เพื่อร่วมลงทุนต่างประเทศ
ทุกวันนี้ ความเสี่ยงที่ทำให้ SMEs ขนาดเล็กประสบปัญหาจะมาจากการไม่มีการวางแผนทางธุรกิจไว้ล่วงหน้า ไม่รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง ไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจและไม่สามารถปรับแผนธุรกิจได้รวดเร็ว ส่วนความเสี่ยงของธุรกิจ SMEs ขนาดกลาง จะเป็นเรื่องของการพัฒนาคน พัฒนาระบบ และด้านการเงิน
ขณะที่ SMEs แห่งอนาคต จะต้องมุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักมากที่สุด รวมทั้งการกำหนดกลยุทธ์เพื่อเปิดขยายสาขาในทำเลที่ดีมีศักยภาพ พร้อมกับปรับแนวคิดมุ่งทำตลาดในต่างประเทศ เพื่อกลายเป็นธุรกิจระดับโลก
วิทยากรได้กล่าวสรุปว่า SMEs ที่จะเติบโตได้ดีไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ขนาด แต่ต้องมีแผนธุรกิจเพื่อรองรับอนาคตของการเติบโตระยะยาว พร้อมๆ กับการมุ่งเปิดตลาดออนไลน์ มีการผลิตสินค้ามาตรฐาน และให้บริการที่ดีด้วย
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ทำให้ผู้นำองค์กร SMEs จะต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้และต้องปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจที่มีนวัตกรรมที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ครับผม
วิฑูรย์ สิมะโชคดี
