รัก(แท้)-สัตยธรรม…ยังสถิตในโลกาจริงหรือ? : โดย ไพรัช วรปาณิ

“Nothing is more noble, nothing more venerable than fidelity.”—-Cicero

“ไม่มีสิ่งใดในโลกา ที่ทรงคุณค่าเท่า…สัตยธรรม”—–ซีเซอโร
—–
“But now abide with faith, hope, love, these three; and the greatest of these Is love.”——Paul

“สามสิ่งที่ยังดำรงคงอยู่ในปัจจุบัน คือ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก…สิ่งหนึ่งที่มีค่าสูงส่ง คือ..ความรัก”——-พอล
—–
“It’s a good horse that never stumble ; and a good wife that never grumble.”—-John Ray

“ม้าดีย่อมไม่สะดุดเท้าล้ม และภริยาดีย่อมไม่พิไร เมื่อเกิดภัย”—-จอห์น เรย์
—–

Advertisement

เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดคดีฟ้องหย่าของสามี-ภริยาคู่หนึ่งต่อศาลประชาชน

ในมณฑลกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนับเป็นคดีแปลกที่ทำให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาตัดสินคดีมาเป็นเวลา 20 กว่าปี ต้องประหลาดใจ งงเป็นไก่ตาแตก และเป็นคดีที่ได้พบเป็นครั้งแรก อันเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับระบบสัตยธรรม, คุณธรรม, ศีลธรรม, ความชั่วดี, ความรัก และความอาทรต่อกัน ของสามี-ภริยาคู่ทุกข์คู่ยากครอบครัวหนึ่งในสังคมปัจจุบัน.. ซึ่งน่าติดตามศึกษาอย่างยิ่ง

เรื่องราวในคดีนี้คือ สามีวัยฉกรรจ์ผู้โชคร้าย “หนันไฮเจี้ยน” เกิดอุบัติเหตุตกจากการซ่อมแซมท่อน้ำในขณะก่อสร้างบ้านใหม่เมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้กลายเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว กาลเวลาผ่านไปอาการก็ไม่ดีขึ้น ต้องอาศัยภริยาวัย 26 ดูแลเฝ้าปฏิบัติพยาบาลให้ตลอดเวลา ทำให้เขาเกิดความรู้สึก “guilty” หรือละอายทางมโนธรรม และเพื่อมิให้ภริยาของตนต้องทนทุกข์ทรมานทั้งร่างกาย-จิตใจ จึงได้ตัดสินใจแสดงความจำนงอย่างแน่วแน่ขอหย่าขาดกับภริยาต่อศาล เพื่อเปิดโอกาสให้ภริยาของตนมีอนาคตใหม่ที่ดีกว่า ส่วนฝ่ายหญิงเมื่อทนการรบเร้าไม่ไหว จึงตัดสินใจยอมหย่าให้ตามความต้องการของสามีผู้พิการ แต่ทว่า… มีข้อแม้กับสามีว่า หลังหย่าขาดตามกฎหมายแล้ว เขาต้องยอมรับเงื่อนไขของเธอในขณะเดียวกันด้วย จึงยอมลงนามหย่าร้างตามกฎหมาย

Advertisement

ท่านผู้อ่านทราบไหมว่า? เงื่อนไขการหย่าของหล่อนในครั้งนี้มีนัยอย่างไร?!…..หล่อนตั้งเงื่อนไขกับประธานผู้พิพากษาว่า แม้มีการแสดงความยินยอมหย่าขาดตามกฎหมายแล้วก็ตาม แต่อย่างไรเสีย ตัวสามีผู้พิการจะต้องอยู่ร่วมชายคาเดิม หรือบ้านหลังนี้เช่นเดิม โดยมิให้โยกย้ายออกไปไหน เพื่อเธอจะได้มีโอกาสดูแลพยาบาลเขาตามหน้าที่ภริยาที่ดีต่อไป

คดีดังกล่าวทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงที่ได้ทราบเรื่องราวต่างพากันตื้นตันใจ พร้อมกับชื่นชมนางฝันว่า…ยึดมั่นในความรัก คุณธรรม และสัตยธรรม ด้วยจิตสำนึกอันดีงามที่ไม่ทอดทิ้งคู่ครองในยามเกิดภัยพิบัติ ดังที่ John Ray กล่าวไว้… “a good wife that never grumble”?!

จากแหล่งข่าวของจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2016 นี้เอง มิสเตอร์ “หลอเพ่ยเซียง” ประธานศาลประชาชนอำเภอซินเฉิง ได้รับโทรศัพท์จากนาง ฝันไฮฮุ้ย หญิงสาววัย 26 ปี แห่งหมู่บ้านนาลิวตุ้น โดยเธอกล่าวต่อผู้พิพากษาในคดีนี้ว่า เธอและสามียินยอมหย่าขาดจากการเป็นสามี-ภริยา แต่ว่าขณะนี้สามีเป็นอัมพาตอยู่ที่เตียง ไม่สามารถเดินทางไกลมาแถลงต่อศาลได้

เมื่อทราบดังนั้น ในบ่ายวันเดียวกัน ท่านประธานศาล “หลอเพ่ยเซียง” จึงได้เดินทางมาเผชิญสืบยังบ้านของหล่อน ภายในบ้านเล็กๆ ของสามี-ภริยาผู้โชคร้าย ปรากฏข้อเท็จจริงว่า สามีของนางฝันที่ชื่อ “หนันไฮเจี้ยน” และเป็นผู้แสดงความประสงค์ฟ้องหย่ากับเมียตนเอง กำลังเจ็บป่วยเป็นอัมพาตนอนแข็งทื่ออยู่บนเตียง แม้กระทั่งการพลิกตัวเองมาให้ถ้อยคำก็มิอาจทำได้ ต้องอาศัยคนอื่นช่วยพยุงปีกขึ้นมาให้ปากคำต่อศาล ระหว่างทำนิติกรรมหย่าร้าง เจ้าหน้าที่ศาลช่วยบันทึกเหตุแห่งการหย่าร้างคือ…สามีผู้มีใจดีงามแถลงว่า… “เพื่อให้เธอมีความเป็นอิสระ และมีโอกาสแสวงหาความสุขด้วยตนเองตามวิถีทางของเธอ” อย่างอิสระ ไม่ต้องใช้ชีวิตจมปลักอยู่กับตัวเขา เพราะนางยังเยาว์ ยังมีอนาคต

ครั้นผู้พิพากษาหันมาถามนางฝันไฮฮุ้ยฝ่ายภริยา ว่าอย่างไร? นางกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า…ดิฉันรับปากหย่าร้างในครั้งนี้ ด้วยมีเงื่อนไขประการแรกกับเขาว่า “หากหย่าแล้ว เขาจะต้องรับปากว่ายังคงอาศัยอยู่บ้านเก่าแห่งนี้เหมือนเดิมต่อไป เพื่อให้ดิฉันได้ดูแลพยาบาลเขาเช่นที่ผ่านมา!”

คำกล่าวของนางทำให้ผู้พิพากษารู้สึกตกใจ และตื้นตันไม่น้อย

ทั้งสองสามี-ภริยาบันทึกข้อตกลงไว้ว่า หลังการหย่าร้าง ฝ่ายชายและลูกๆ ต้องอยู่ในบ้านของฝ่ายหญิงเช่นเดิม โดยฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ดูแลรับภาระทั้งหมด….

ผู้เขียนอดที่จะนำภาษิตของ Thomas Fuller ที่กล่าวไว้ว่า..

“A good wife and Health is a man’s best wealth.”…มาเปรียบกับสามี-ภริยาคู่นี้เสียจริงๆ ครับ

ย้อนหลังไปเมื่อ ค.ศ.2011 “หนันไฮเจี้ยน” ตกจากการซ่อมแซมท่อน้ำในบ้านใหม่ เป็นเหตุให้กระดูกสันหลังหัก ช่วงล่างของร่างกายขาดความรู้สึก รักษาอย่างไรก็ไม่บรรเทา

“หนันไฮเจี้ยน” เล่าให้ฟังว่า หลังเกิดอุบัติเหตุ ชีวิตที่เคยทำมาหากินพอมีรายได้ดำรงชีวิตก็หดหายไป อาหารการกินทั้ง 3 มื้อก็จำต้องอาศัยการดูแลจากนางฝันภริยาผู้แสนดีโดยตลอด อีกทั้งการสร้างบ้านใหม่ของเขาได้ก่อเกิดหนี้สินจำนวนหนึ่ง ทำให้กลายเป็นภาระอันหนักหน่วงแก่บิดาของนาง และดึงให้นางฝันภริยาต้องเข้ามาช่วยรับผิดชอบชำระหนี้ ทั้งๆ ที่ลำบากอยู่แล้ว จึงเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาเองทนทุกข์ทรมานใจตลอดมา บางครั้งเคยคิดถึงการจบชีวิตตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ได้รับการให้กำลังใจและความหวังจากภริยาคู่ทุกข์คู่ยากนี้ปลอบประโลมให้ “สู้” ต่อไป อย่าได้ท้อถอย ทำให้มีลมหายใจมาถึงทุกวันนี้!!

“หนันไฮเจี้ยน” กล่าวด้วยน้ำตาตอนหนึ่งว่า “เรื่องหย่านี้ ผมเองเป็นฝ่ายริเริ่มเรียกร้องให้ทำการจดทะเบียนหย่าเองครับ! ด้วยมองว่าเธออายุยังน้อย ผมไม่อยากเป็น ‘ตัวถ่วง’ ฉุดรั้งทำลายอนาคตและความก้าวหน้าของเธอ มองเห็นว่ามีทางเลือกทางเดียวคือการฟ้องหย่า เพื่อให้เธอมีอิสระ โอกาสแสวงหาความสุข และการสร้างชีวิตใหม่ของเธอเอง”

“หนัน” กล่าวต่อไปว่า ความคิดดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน เขาได้นำประเด็นการหย่าร้างเสนอต่อภริยาหลายครั้งหลายครา แต่เธอก็ไม่ยินยอมสักที จนกระทั่งมาในปีนี้ ความคิดต้องการหย่าร้างก็ยิ่งรุนแรงเพิ่มทวีคูณ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวยิ่งขึ้น จนเธอก็ไม่สามารถต้านทานความประสงค์อันแรงกล้าของตนได้ในที่สุด

ส่วนนางฝันไฮฮุ้ยก็ได้กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าอย่างเศร้าสร้อยว่า… “ดิฉันจะไม่ยอมให้เขาและลูกๆ หนีห่างจากบ้านนี้เป็นอันขาด และไม่ยอมให้ความรักความสัมพันธ์ ความเอื้ออาทรของเราสองขาดสะบั้นลง ซึ่งการแยกจากกันยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้ทั้งสองฝ่าย เพราะ…เขาได้กลายเป็นคนพิการ (อัมพาต) แล้ว หากออกจากบ้านนี้ไปเขาจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร!!?”

“บัดนี้ แม้ได้จดทะเบียนหย่าร้างเรียบร้อยแล้ว ทว่าดิฉันยังจะมุ่งมั่นทำงานหนักและต่อสู้กับชะตากรรม เพื่อนำเงินมาชำระหนี้และการรักษาความเป็น ‘ครอบครัว’ แห่งนี้ให้อยู่ยงต่อไป สำหรับปัญหาในอนาคต หรือการแต่งงานใหม่นั้น ขอบอกว่าตอนนี้ยังไม่กล้าคิดหรือจะเดินต่อไปอย่างไร? แต่…จะฟันฝ่าอุปสรรคของชีวิตจนได้เห็นแสงสว่างด้วยความเข้มแข็งต่อไป…” ผู้เขียนยอมรับว่า เธอ “แกร่ง” จริงๆ..ว่าไหม?

ใครจะคิดมาก่อน…นางฝันหญิงสาวตัวเล็กๆ ชาวชนทบท ผู้ยึดมั่นในความรัก(แท้) ยึดมั่นในความผูกพันอันลึกซึ้งที่เคยมีต่อกันระหว่างสามี-ภริยา และทำหน้าที่ให้ความห่วงใย-เอื้ออาทร ซึ่งคู่ครองเรือนพึงมีต่อกันอย่างเหนียวแน่นมั่นคง……พร้อมกับกล่าวมธุรสวาจาอย่างมั่นใจว่า…

“ฉันยังมีความหวัง เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เขาคงจะลุกขึ้นยืนได้ เพราะ…ชีวิตคือความหวังและการต่อสู้!”

ผู้เขียนได้เล่าเรื่องนี้ให้มิตร(แท้)—ดร.สมัคร เจียมบุรเศรษฐ์ (สมัครขาว) อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และรองผู้ว่าฯกทม.ฟังแล้ว พร้อมตั้งข้อปุจฉาว่า เรื่องนี้ ถ้าเขียนแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือไม่? เพียงใด?

ดร.สมัครให้ความเห็นว่า แม้เป็นเรื่องราวของคู่สามี-ภริยาชาวชนบท ซึ่งมีหญิงสาวตัวเล็กๆ เป็นตัวละครตัวจริงเสียงจริง โดยหล่อนได้แสดงบทบาทอันบริสุทธิ์ให้เห็นถึง “รัก(แท้) และสัตยธรรม” อันยิ่งใหญ่ ที่คนโตในสังคมชั้นสูง จะมี “good wife” ทำหน้าที่อันประเสริฐเช่นเดียวกับเธอคนนี้หรือไม่? จึงควรเขียนสะท้อนให้โลกรู้ว่า แม้สาวบ้านนอกผู้ไร้การศึกษา แต่มีจิตใจสูงส่งเต็มเปี่ยมด้วย “สัตยธรรม” อันดีงาม…อยากรู้จริงๆ ว่า คุณหญิง คุณนาย ที่แพรวพราวด้วยเพชรนิลจินดาเต็มตัว จะมีจิตใจอันงดงามเช่นหล่อนสักกี่คน?! (ฮา)

ปรากฏการณ์อันน่าสงสารของสองสามี-ภริยาคู่นี้ ได้แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมเก่าแก่อันทรงคุณค่าของจีน ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ร่วมทุกข์ร่วมสุขระหว่างคู่ครองในทางรูปธรรม พร้อมกับการถือมั่นในเรื่องของ “สัตยธรรม”, ความรัก, ความผูกพัน, เอื้ออาทร ในทางนามธรรม ตามวัฒนธรรมอันดีงามมาแต่โบราณกาล ตามคำสอนของ “ขงจื๊อ” ปรัชญาเมธีชื่อดังของจีน

คดีนี้…ถือเป็นอุทาหรณ์ พิสูจน์ว่า ความรัก(แท้), เอื้ออาทร และสัตยธรรม ความซื่อสัตย์ระหว่างคู่ครองที่จริงใจต่อกัน….ยังคงสถิตอยู่ในโลกา….จริงไหม?!

ไพรัช วรปาณิ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image