ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
เมืองศรีเทพ มีความเป็นมายาวนานหลายพันปีมาแล้ว อาจสรุปย่อที่สุดได้ดังนี้
- ราว 3,000 ปีมาแล้ว มีชุมชนเริ่มแรก
มีชุมชนคนดึกดำบรรพ์นับถือศาสนาผี มีผู้หญิงเป็นใหญ่ในพิธีกรรม ทำนาในที่ลุ่ม ปลูกข้าวเหนียว ทำภาชนะดินเผา ฝังศพใต้ถุนเรือนในชุมชน
มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ (เป็นแลนด์มาร์ก) เรียกสมัยหลังว่าเขาถมอรัตน์
- ราว 2,500 ปีมาแล้ว ยกย่องหมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
มีคนจากที่อื่นโยกย้ายอพยพเข้ามาตั้งหลักแหล่งเพิ่มเติม (เช่น จากลุ่มน้ำโขง ฯลฯ) รู้จักทำโลหะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้
เชื่อว่าคนตายแต่ขวัญไม่ตาย ต้องทำพิธีเรียกขวัญคืนร่างแล้วคนจะฟื้น
เชื่อว่าหมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ให้กำเนิดคน และนำพันธุ์ข้าวให้คนปลูกกิน ยกย่องเป็นผู้มีอำนาจพิเศษนำทางผีขวัญของคนตายไปรวมพลังกับผีขวัญบรรพชนที่อยู่บนฟ้า จึงฆ่าหมาเซ่นผีบรรพชนแล้วฝังดินรวมกับศพคนตาย
นักโบราณคดี กรมศิลปากร จึงขุดพบโครงกระดูกหมาฝังรวมกับโครงกระดูกคน ในเมืองศรีเทพ
- หลัง พ.ศ. 1000 เติบโตเป็นบ้านเมืองและรัฐ
นับถือศาสนาผีเหมือนแต่ก่อน แล้วรับศาสนาพราหมณ์กับพุทธจากอินเดียเข้ามาผสมด้วย โดยผ่านทางรัฐจินหลิน (อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี) กับรัฐโถโลโปตี (อ. เมือง จ. ลพบุรี) จึงเติบโตเป็นบ้านเมืองและรัฐ
ผู้ชายมีอำนาจมากขึ้น มีการค้ากว้างขวางขึ้น จึงมีคนและมีแรงงานขุดคูน้ำก่อคันดินล้อมรอบชุมชนดั้งเดิมที่อยู่สืบเนื่องมา
ประชากรมีหลายชาติพันธุ์และหลายชาติภาษา พูดหลายภาษา ทั้งจากที่ราบสูงและที่ราบลุ่ม แต่คนชั้นสูงมีอำนาจ ล้วนพูดตระกูลภาษามอญ-เขมร
หลังจากนั้นราวหลัง พ.ศ. 1200 ขยายเครือข่ายถึงลุ่มน้ำชี-มูล บนที่ราบสูงโคราช เป็นเครือญาติกับเชื้อวงศ์ที่ครองเมืองพิมาย (อ. พิมาย) กับเมืองเสมา (อ. สูงเนิน) จ. นครราชสีมา
- หลัง พ.ศ. 1700 ร่วงโรย รกร้าง
เมืองศรีเทพค่อยๆ ลดความสำคัญ ในที่สุดก็ร่วงโรยแล้วรกร้าง เหมือนรัฐรุ่นเก่าหลายแห่ง เช่น อู่ทอง (สุพรรณบุรี), หลั่งยะสิว (นครปฐม), มโหสถ (ปราจีนบุรี) ฯลฯ
เหตุจากมีศูนย์กลางแห่งใหม่ทางอำนาจการเมืองและการค้า ได้แก่ อโยธยา-ละโว้, สุพรรณภูมิ-อู่ทอง ฯลฯ บรรดาผู้คนพากันโยกย้ายออกจากเมืองศรีเทพไปอยู่อโยธยา-ละโว้ แล้วสืบทอดเป็นกรุงศรีอยุธยา
ไม่เคยพบหลักฐานว่ามีโรคระบาดร้ายแรง และไม่เคยมีปัญหาภัยแล้งรุนแรงจนเมืองล่มจม มีแต่แห้งแล้งในฤดูแล้งตามปกติ
คุมการค้าภายในภูมิภาค
เมืองศรีเทพ ตั้งอยู่บริเวณที่เป็นชุมทางเส้นทางคมนาคม ระหว่างลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ที่ราบลุ่ม) กับลุ่มน้ำโขง (ที่ราบสูง) เท่ากับมีอำนาจควบคุมการค้าภายในภูมิภาค มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนยาวนานมากๆ ดังนี้
- อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ อ. ด่านซ้าย จ. เลย ที่มีช่องเขาติดต่อแม่น้ำโขงที่ อ. เชียงคาน จ. เลย เข้าถึงหลวงพระบาง (อยู่ทางทิศเหนือ) กับเวียงจัน (อยู่ทางทิศตะวันออก) ทั้ง 2 แห่งต่อเนื่องถึงอ่าวตังเกี๋ย (เวียดนาม) กับจีน
- อยู่ที่ราบลุ่มต่อเนื่องที่ราบสูงโคราช บริเวณต้นน้ำชี-มูล (ทิวเขาพังเหย) จ. ชัยภูมิ- จ. นครราชสีมา เข้าถึงเมืองพระนครที่โตนเลสาบ (กัมพูชา) กับแม่น้ำโขง ทางจัมปาสัก (ลาว) ออกไปเมืองจาม (เวียดนาม) ได้สะดวก
ชื่อศรีเทพ มาจากไหน?
“ศรีเทพ” เป็นชื่อเมืองที่พบในพระราชพงศาวดาร ตามพระนิพนธ์สันนิษฐานของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชนุภาพ
ชื่อศรีเทพไม่ได้มีขึ้นมาลอยๆ แต่มีเค้ามูลเก่าแก่เกี่ยวข้องลุ่มน้ำป่าสัก ดังนี้
- 1. พันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) มีในพระราชพงศาวดารอยุธยา ว่าเป็นตำแหน่งพนักงานเฝ้าหอพระ แต่เมื่อสอบสวนทวนความหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว พบว่าเป็นตำแหน่งนักปราชญ์ประจำราชสำนักครั้งนั้น และเป็นผู้รู้ดูแลคัมภีร์โบราณราชประเพณีต่างๆ
ขุนวรวงศาธิราช (พันบุตรศรีเทพ) เป็นเชื้อวงศ์ละโว้ มีหลักแหล่งและเครือญาติเป็นโขยงอยู่บ้านมหาโลก แหล่งถลุงเหล็ก ลุ่มน้ำป่าสัก เท่ากับเป็นขุมกำลังคนและอาวุธ
- 2. หมอศรีเทพ เป็นชื่อตำแหน่ง (คนหนึ่งในจำนวนหลายคน) ในกรมหมอช้าง (หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญจับช้าง และเลี้ยงช้าง) มีศักดินา 200 (พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน)
- 3. ขุนสีเทพ เป็นชื่อตำแหน่ง (คนหนึ่งในจำนวนหลายคน) ในกรมพระคลังวิเศศ มีศักดินา 800 (พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน)