ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
ปกติการเปลี่ยนตัวผู้นำชาติมหาอำนาจทุกครั้ง ทั่วทั้งโลกต้องจับตาผลกระทบอยู่แล้ว แต่คราวนี้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ยิ่งสั่นสะเทือนมากกว่าปกติอีก เพราะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชนะเลือกตั้ง มีแนวทางขวาจัด บุคลิกก้าวร้าว หยาบคาย เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ศาสนา และเหยียดเพศ
เลยหวั่นเกรงกันไปใหญ่ว่า จะมีนโยบายเหนือความคาดหมายอะไรออกมาหรือไม่ แถมภายในประเทศสหรัฐเอง หลังผลเลือกตั้งปรากฏออกมา ยังเกิดการชุมนุมประท้วงไม่ยอมรับในผู้นำคนใหม่ของประชาชนบางส่วนอีกด้วย
ร้อนแรงจริงๆ ประธานาธิบดีคนที่ 45 นี้
แต่ถึงที่สุดแล้ว ด้วยมาตรฐานของการเมืองในประเทศที่เจริญก้าวหน้า เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ที่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง และเลือกผู้นำเอียงขวานี้
จะได้รับการเคารพ เป็นเสียงชี้ขาดสูงสุด ไม่มีการหาเรื่องล้มกระดาน
รับประกันได้ว่า นักศึกษาประชาชนที่ออกมาแสดงการต่อต้านนายทรัมป์ จะไม่ใช่การจุดชนวนเพื่อปูทางให้กองทัพสหรัฐออกมายึดอำนาจล้มการเลือกตั้งเด็ดขาด
เรื่องแบบนี้ มีเฉพาะประเทศที่การเมืองล้าหลังเท่านั้น
อีกส่วนหนึ่ง เมื่อประชาธิปไตยพัฒนาก้าวหน้าจนแข็งแกร่งแล้ว ทุกคนทุกพรรคล้วนเคารพกติกา และไม่เคยสิ้นหวังกับการเลือกตั้ง
คนที่สนับสนุนเดโมแครต อาจผิดหวังและช็อก
แต่ทุกคนตระหนักดีว่า อีก 4 ปีข้างหน้า โอกาสที่จะพลิกกลับมาชนะไม่ใช่เรื่องเกินจริง
จากสถิติการเลือกตั้งผู้นำมะริกัน เห็นได้ชัดว่า ระหว่างพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะตลอด
พรรคนี้แพ้ อีก 4 ปีหรือ 1 วาระ หรืออย่างมากก็ 2 วาระคือ 8 ปี ก็พลิกกลับมาชนะใหม่ เป็นมาเช่นนี้เสมอ
โดยทั้งหมดขึ้นกับการทำงานทางการเมือง การตรวจสอบอีกฝ่าย การนำเสนอนโยบายที่ตรงกับใจคนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในช่วงนั้นๆ
กรณีนายทรัมป์ มองด้วยสายตาคนภายนอก ย่อมรับไม่ได้กับแนวคิดขวาจัดสุดโต่งและความก้าวร้าว แต่การวิเคราะห์เสียงคนอเมริกันที่เทคะแนนให้ตัวแทนรีพับลิกันผู้นี้ จะพบว่าส่วนหนึ่งมาจากประชาชนที่มีอุดมการณ์อนุรักษนิยมขวาจัด อีกส่วนคือคนยากคนจนหรือรากหญ้า ที่ไม่พอใจผลงานเศรษฐกิจของพรรคเดโมแครตที่ผ่านมา ทั้งเชื่อว่าเป็นพรรคที่เอาใจนายทุนมากกว่า
ไม่เท่านั้น ผลกระทบด้านผู้อพยพจากซีเรีย ภัยจากผู้ก่อการร้ายที่สร้างความหวาดผวาให้สังคมอเมริกันอย่างยิ่ง ทำให้นายทรัมป์นักการเมืองสายเหยี่ยว ไม่สนใจสิทธิมนุษยชน มีทรรศนะแข็งกร้าวกับผู้อพยพและคนที่พักอาศัยในสหรัฐที่ต่างเชื้อชาติศาสนา จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ตรงกับปัญหาในวันนี้มากที่สุด
แต่อีก 4 ปีข้างหน้า ถ้าประธานาธิบดีคนใหม่ ทำแล้วยิ่งไปกันใหญ่ หรือปัญหาของสหรัฐเปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่ก็อาจจะแห่ไปเลือกอีกพรรคกลับมาแทนก็ได้
ประชาธิปไตยที่มาตรฐานนั้น เสียงประชาชนส่วนใหญ่คือผู้ตัดสินอย่างแท้จริง
ไม่เหมือนฝ่ายขวาบางประเทศ ไม่เคยเชื่อมั่นการเลือกตั้ง เห็นฝ่ายประชาธิปไตย เห็นพวกเสรีนิยม เติบโตขยายตัวทางการเมืองมากเมื่อไร ก็หาเรื่องตีรวนเพื่อดึงอำนาจนอกระบบมาล้มกระดานทุกที
แล้วอ้างว่าประชาธิปไตยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะประเทศ ไม่จำเป็นต้องเหมือนชาติตะวันตก
ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าประชาธิปไตยในโลกที่เจริญนั้น มีแต่เดินไปข้างหน้า ไม่มีการวนเวียนอยู่ในอ่าง
ส่งผลก้าวหน้าทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ไม่ใช่เตี้ยลงไปเรื่อยดังที่เห็นๆ กันขณะนี้