บก.ฟอรั่ม ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559

ชี้แจง
เรื่อง ชี้แจงข้อร้องเรียนถนนเลียบ คลองชลประทานชำรุด
เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์

อ้างถึง หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ ฉบับวันที่ 7 กันยายน 2559 หัวข้อ “ชาวบ้านรุมโวย ถนนเลียบคลองชลประทานพังยับ ไร้หน่วยงานดูแล รถยนต์วิ่งอันตราย” (www.matichon.co.th/news/276493 )

ตามที่หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ ฉบับวันพุธที่ 7 กันยายน 2559 ได้เผยแพร่ข่าวหัวข้อชาวบ้านรุมโวย ถนนเลียบคลองชลประทานพังยับ ไร้หน่วยงานดูแล รถยนต์วิ่งอันตราย โดยนายชัยวัฒน์ ศรีการะเกตุ ร้องเรียนว่าถนนเลียบคลองชลประทานระหว่างถนนพาดวารี กับถนนศรีชาววัง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พังเสียหาย เป็นหลุมเป็นบ่อ เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และมีฝุ่นละอองฟุ้งกระจายเข้าสู่ที่อยู่อาศัยของประชาชนนั้น

จังหวัดอุตรดิตถ์ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ดังนี้

Advertisement

1.อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ โดยเทศบาลตำบลบ้านเกาะแจ้งว่าถนนดังกล่าวเป็นคันคลองชลประทานที่สร้างขึ้นจากการขุดลอกคลองชลประทานแล้วนำดินมาสร้างเป็นถนนลาดยางให้ประชาชนทั่วไปใช้สัญจร เมื่อถนนชำรุดเทศบาลตำบลบ้านเกาะเคยประสานโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ เพื่อขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก

2.โครงการชลประทานอุตรดิตถ์แจ้งว่า ถนนดังกล่าวระยะทางรวม 1,920 เมตร เดิมใช้เพื่อขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ต่อมาเทศบาลตำบลบ้านเกาะได้ก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีต ระยะทาง 680 เมตร ขณะนี้เทศบาลตำบลบ้านเกาะได้ขออนุญาตก่อสร้างถนนเพิ่มเติม เอกสารประกอบยังไม่ครบถ้วน อนึ่ง โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ได้จัดทำแผนงานและดำเนินการซ่อมบำรุงถนนเป็นประจำ แต่ไม่สามารถก่อสร้างใหม่ได้ เนื่องจากภารกิจการก่อสร้างถนนมิใช่ภารกิจของกรมชลประทาน และโครงการชลประทานอุตรดิตถ์จักได้ถ่ายโอนภารกิจบำรุงรักษาผิวทางให้เทศบาลตำบลบ้านเกาะรับผิดชอบต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ ทั้งนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ได้แจ้งเร่งรัดในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการถ่ายโอนภารกิจดังกล่าวให้เทศบาลตำบลบ้านเกาะเพื่อแก้ไข ปัญหาดังกล่าว

Advertisement

ขอแสดงความนับถือ
นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ
รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์

ท้วงกรมธนารักษ์

เรียน ท่านบรรณาธิการที่เคารพ
ข้าพเจ้าฯ ในวาระสำคัญที่ประเทศสูญเสีย “พ่อของแผ่นดิน” ที่ประชาชนทั้งประเทศร่ำไห้ และรวมใจรัก สามัคคีกันทั้งประเทศ ทุกคนยอมอุทิศทุกอย่าง เพื่อน้อมไว้อาลัยในการเสด็จสู่สวรรคาลัยครั้งนี้ แต่ข้าพเจ้าแปลกใจกับหน่วยงานของรัฐที่เขามองไม่ออกหรือว่าประชาชนทั้งประเทศรวมใจกันขนาดไหน จึงกราบเรียนมายังท่าน ในฐานะสื่อมวลชน ขอให้ใช้คอลัมน์ “เรียงคนมาเป็นข่าว” หรือเนื้อที่ส่วนใดเตือนบุคคลเหล่านี้ กล่าวคือ

1.มีประชาชนจำนวนมาก บ่นว่า “กรมธนารักษ์” ที่ประกาศให้แลกธนบัตรที่ระลึก หรือเหรียญที่ระลึกนั้น ในยามนี้ไม่รู้หรือประชาชนต้องการเพื่อนำไว้บูชาเป็นที่ระลึกถึงพระองค์ แต่ส่วนมากยืนเข้าคิวเป็นชั่วโมงหลายชั่วโมง แล้วผิดหวัง มีกำหนดต้องแลกได้ใบเดียว ชุดเดียว ราคา 100 บาท ขึ้นราคา 100 บาท เป็น 200 บาท ดูเหมือนทยอยให้แลก ทั้งที่เมื่อรู้ความต้องการของประชาชนที่แสดงถึงความจงรักภักดี ควรจะพิมพ์เพื่อให้ประชาชนรากหญ้า คนบ้านนอกมีโอกาสเก็บไว้บูชาได้บ้าง

2.ไปดูตามแผงหนังสือ ทำฉบับพิเศษ มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไม่กี่รูป ขายกันราคาเป็นร้อยบาท ประชาชนโศกเศร้า และต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ปิดผนึกห้ามดูก่อนซื้อ

ขอแสดงความนับถือ
นายกรกช สุขฤทธิ์

ตอบคุณกรกช

ข้อแรก ฝากถึงกรมธนารักษ์ ซึ่งทำงานหนักในการรองรับความต้องการของประชาชน เปิดให้แลกธนบัตร เหรียญที่ระลึกตรงไหน คิวยาวเป็น กม. แต่ไหนๆ ทำมาแล้ว ก็รับความคิดเห็นของประชาชนไปปรับปรุงด้วยก็ดีครับ

ส่วนหนังสือที่ห่อปิดผนึกวางจำหน่ายตามแผงต่างๆ ที่จริงขอทางร้านดูในเล่มได้ครับ เขาจะมีเล่มที่เปิดให้ชมเตรียมไว้ ชมแล้วเมื่อพอใจค่อยซื้อครับ

 

 

คุณภาพข้าว
เรื่อง เรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบคุณภาพข้าวในคลังกลางรับฝากข้าวรอบ 2

เรียน ท่านบรรณาธิการ สำนักข่าวหนังสือพิมพ์มติชน

จากการตรวจพบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาท เป็นการเก็บข้าวผิดประเภท โดยเปิดเป็นคลังกลางรับฝากเก็บข้าวสารเหนียวจำนวนเกือบ 400,000 กระสอบ แต่กลับพบว่าข้าวในโกดังกลายเป็นข้าวคุณภาพต่ำ (ข้าวดีด) ที่แทบไม่มีราคา

และล่าสุดอีกโกดัง ที่ชัยนาทเช่นกัน เปิดเป็นคลังกลางรับฝากเก็บข้าวขาว 5% ปี 2556/2557 จำนวน 220,000 กระสอบ แต่ตรวจพบว่าข้าวในโกดังกลายเป็นข้าว 35% และเป็นข้าวปี 2554/2555 สภาพไม่สามารถบริโภคได้ ซึ่งข้าวในคลังกลางทุกแห่งทั่วประเทศล้วนเคยผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยชุดตรวจของ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล มาแล้วทั้งสิ้น ไม่น่าจะมีการกระทำผิดเช่นนี้สามารถหลุดรอดออกมาได้ เป็นผลให้คลังกลางเหล่านี้ไม่ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับคลังที่กระทำผิดใน 853 คดี และยังสามารถนำข้าวออกมาประมูลขายได้อีกด้วย ซึ่งหากข้าวเหนียวและข้าวขาว 5% ในโกดังทั้ง 2 แห่ง ไม่ได้ถูกประมูลซื้อ และไม่ได้มีการร้องเรียนต่อท่านนายกรัฐมนตรี เรื่องก็คงจะไม่แดงออกมาใหญ่โตเช่นเวลานี้

แสดงว่าจะต้องมีคลังกลางอีกเป็นจำนวนมากที่กระทำความผิดอย่างเป็นขบวนการและสามารถหลุดรอดจากการตรวจสอบในลักษณะเดียวกันนี้ โดยเราจะสังเกตคลังกลางเหล่านี้ได้จากการที่ข้าวในคลังถูกนำออกประมูลขายเป็นข้าวเกรดเอ แต่กลับไม่มีผู้ซื้อสนใจที่จะประมูลข้าวเหล่านี้เลย เนื่องจากคนในวงการจะทราบดีว่าเป็นข้าวผิดประเภท มีคุณภาพต่ำ

และหากยังปล่อยให้คลังกลางเหล่านี้ลอยนวลอยู่ต่อไป ข้าวเสื่อมผิดประเภทที่อยู่ในคลังก็จะไม่มีวันประมูลขายออกไปได้ จะเหลือเพียงแค่ตัวเลขข้าวเกรดเอคงค้างบัญชีอยู่ มีผลต่อผู้ซื้อต่างประเทศที่ยังคงมองตัวเลขสต๊อกข้าวคุณภาพดีของเราและของโลกยังมีเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และมีผลต่อราคาข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังออกสู่ตลาด ทำให้ราคาตกต่ำไปตลอด ตราบใดที่ปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลยังคงเหลืออยู่มากมายเช่นนี้

จึงเรียนมาเพื่อขอให้บรรณาธิการ สำนักข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ได้โปรดผลักดันให้มีทีมชุดตรวจสอบคุณภาพข้าวขึ้นใหม่ เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพของข้าวในคลังกลางที่ไม่ถูกดำเนินคดีทั่วประเทศซ้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการเปิดประมูลขายข้าวในรอบต่อไป

เพื่อจะได้ทราบปริมาณสต๊อกข้าวคุณภาพดีที่แท้จริง และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่สนใจจะประมูลข้าว ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นที่เกิดขึ้นมาแล้ว ยังความเสื่อมเสียมาสู่รัฐบาลท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว

ขอแสดงความนับถือ
กลุ่มงานตรวจสอบการทุจริต
โครงการรับจำนำข้าว

ตอบกลุ่มงานฯ
ฝากให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบครับ

 

 

ค่าทำฟัน

เรื่อง ชี้แจงข่าวผู้ประกันตนร้องชดเชยค่าทำฟัน

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน

อ้างถึง หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันอังคารที่ 27 กันยายน 2559 หน้า 12

ตามที่อ้างถึง หนังสือพิมพ์มติชน เสนอข่าว ตามที่คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด) มีมติเพิ่มค่าบริการทันตกรรมจาก 600 บาท เป็น 900 บาทต่อปี และยกเลิกบัญชีแนบท้ายอัตราค่าบริการ แต่มีผู้ประกันตนประสบปัญหาจ่ายส่วนต่างไปแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะมีการชดเชยให้หรือไม่นั้น

สำนักงานประกันสังคมชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ได้ปรับปรุงค่าบริการกรณีทันตกรรมเพื่อเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน โดยออกประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ลงวันที่ 28 กันยายน 2559 รายละเอียด ดังนี้

1.การถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าตัดฟันคุด ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในอัตราไม่เกิน 900 บาทต่อปี

2.กรณีที่ผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์กับสถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลเฉพาะส่วนที่เกิน 900 บาท และให้สถานพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนมีสิทธิขอรับค่าบริการทางการแพทย์จากสำนักงานประกันสังคมไม่เกิน 900 บาท

สำหรับผู้ประกันตนที่ไปรับการบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรม ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2559 ถึงวันที่ 27 กันยายน 2559 และจ่ายส่วนต่างไปแล้วนั้น สำนักงานประกันสังคมไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้ผู้ประกันตนได้ เนื่องจากประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้วันที่ 28 กันยายน 2559 มิได้กำหนดให้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมที่จ่ายส่วนต่าง ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่ได้รับค่าบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมไปแล้ว แต่ยังไม่ครบ 900 บาท สามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมส่วนที่เหลือได้จนครบตามสิทธิ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม

ซ่อมแซมแล้ว

เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริง
เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน

ตามที่หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 10 มกราคม 2559 เสนอข่าวว่านายธวัชชัย นามสมุทร นายอำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เดินทางไปตรวจสอบถนนเลียบคลองชวดพร้าว หมู่ 5 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ เกิดการทรุดตัว พบถนนคอนกรีตกว้าง 5 เมตร เลียบคลองชวดพร้าว บริเวณคอสะพานพื้นถนนยุบตัวลงมาจากคอสะพานลึกลงไปราว 2 เมตร เป็นระยะทางยาวตามถนนราว 20 เมตร ส่งผลให้พื้นคอนกรีตแตกเป็นทางยาว ดินด้านล่างสไลด์ตัวลงไปในคลองและเสาไฟฟ้าที่อยู่ริมคลองเอียงเอน สอบถามทราบว่าถนนดังกล่าวเพิ่งสร้างเสร็จ 3 เดือน ภายหลังน้ำในคลองแห้งเหือดถึงก้นคลองทำให้ถนนทรุดตัวลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถสัญจรได้ นายอำเภอบางบ่อได้สั่งการให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางบ่อตรวจสอบหาสาเหตุการทรุดตัวว่า เกิดจากการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานหรือภัยธรรมชาตินั้น

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้แจ้งให้จังหวัดสมุทรปราการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางบ่อแล้ว พบว่าถนนดังกล่าวมีสภาพความเสียหาย คือ
ถนนคอสะพานทรุดตัวลง มีความยาวประมาณ 30.00 เมตร มีความลึก 1.60 เมตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้พาหนะสัญจรไป-มาได้ องค์การบริหารส่วนตำบลบางบ่อได้เจรจากับที่ดินเอกชนใกล้เคียงเพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และองค์การบริหารส่วนตำบลบางบ่อได้ดำเนินการซ่อมแซมถนน ทางลาดบริเวณคอสะพานและปรับปรุงสะพานดังกล่าวจนสามารถใช้ยานพาหนะสัญจรไป-มาได้ตามปกติแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และกรุณาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันด้วย จักขอบคุณยิ่ง

ขอแสดงความนับถือ
นายรัฐศาสตร์ ชิดชู
เลขานุการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image