ข่าวลวง โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

ผ่านมาครบสัปดาห์แล้วสำหรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังมีควันหลงมาถึงวันนี้

แต่ควันหลงการเดินขบวนต่อต้าน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ผุดขึ้นในหลายสิบเมืองดูจะไม่ได้น่าตกอกตกใจอะไร เพราะเป็นวิถีของชาวอเมริกันที่ต้องออกมาแสดงความคิดเห็น แสดงจุดยืนของแต่ละกลุ่มแต่ละคนเป็นเรื่องปกติ

เพื่อให้โลกรับรู้ชัดๆ ว่าสังคมอเมริกันยังคงมีความหลากหลาย ไม่ได้มีแต่คนที่เลือกตั้งทรัมป์เท่านั้น ยังมีคนที่ต้านทรัมป์ด้วย

การเดินขบวนดังกล่าวไม่ได้มีข้อเรียกร้องให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือต้องต่อสู้ให้เรื่องไปถึงศาล อีกทั้งยังไม่มีอะไรน่าตื่นตูมถึงขั้นว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองกันในอเมริกา

ฮิลลารี คลินตัน และพรรคเดโมแครตต่างพยายามทบทวนสาเหตุของความพ่ายแพ้เพื่อหาทางแก้ไขปรับปรุงต่อไป ส่วนนายทรัมป์ก็เตรียมตั้งทีมงานบริหาร และทบทวนนโยบายและแผนงานต่างๆ ที่ต้องเริ่มลงมือจริงจังหลังการรับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคม 2560 ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ อะไรต้องทำก่อนทำหลัง

ความเชื่อว่าอเมริกาจะทรงตัวอยู่เป็นปึกแผ่นต่อไปไม่ได้ หลังการเลือกตั้งครั้งนี้จึงดูพิลึกมากไปหน่อย หรืออาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากผลกระทบในวงจร “ข่าวเก๊” ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

ประเด็นข่าวเก๊ข่าวกุข่าวลวงดังกล่าว พ่นพิษไปถึงเฟซบุ๊ก เว็บไซต์เครือข่ายยอดนิยมอันดับต้นของโลกด้วย

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ออกมาตอบโต้ว่า การกล่าวหาว่าเฟซบุ๊กเป็นตัวแพร่ข่าวกุจนเป็นเหตุให้นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งนั้น เป็นแนวคิดที่เหลวไหลไร้สาระมากเกินไป

พร้อมยืนยันว่าเนื้อหาร้อยละ 99 ในเฟซบุ๊กนั้นเป็นของจริง มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นข่าวปลอมและข่าวหลอก ซึ่งข่าวลักษณะนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ในฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือจำกัดอยู่เฉพาะข่าวการเมือง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ข่าวลวงเหล่านี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งให้เอนเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม จากรายงานของบัซซ์ฟีดนิวส์ สื่อด้านไอที เผยว่า ถึงแม้เฟซบุ๊กจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์ชนะ แต่เฟซบุ๊กตั้งทีมอย่างไม่เป็นทางการขึ้นมาเพื่อคอยตรวจสอบและขจัดข่าวลวงข่าวกุที่ไหลเวียนอยู่ในเครือข่าย

เช่นเดียวกับกูเกิล เว็บไซต์เสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับต้นของโลก เพิ่งประกาศไปเมื่อวันจันทร์นี้ว่า จะพยายามป้องกันการปล่อยข่าวปลอมจากเว็บปลอมต่างๆ ที่หวังหาเงินง่ายๆ จากระบบโฆษณาแอดเซนส์ของกูเกิล

กรณีข่าวกุที่ปรากฏในเว็บปลอมและเพจปลอมนั้น สื่อมวลชนไทยประสบปัญหาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเว็บไซต์ข่าวสดที่ได้รับความนิยมสูง ถูกลอกเลียนรูปแบบและใส่ข่าวที่มีภาพน่าสยดสยองเพื่อลวงผู้อ่านให้คลิกเข้าไป หวังหารายได้ในลักษณะที่กูเกิลระบุ

ดังนั้นการที่เว็บไซต์ยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กขยับเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้โดยรวมน่าจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ทั้งผู้ผลิตและผู้อ่าน

แต่สำหรับผู้อ่อนไหวต่อประเด็นฝังใจเพราะความเกลียดชัง และพร้อมจะหลงเชื่อเพื่อหลอกตนเองต่อไปนั้น ระบบแก้ไขไหนๆ ก็คงจะช่วยลำบากมากทีเดียว

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่