คำเตือนเรื่องข่าวลือ โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

เพราะว่าองค์กรตำรวจนั้น มีลักษณะเปราะบาง แม้จะเป็นหน่วยงานที่มีกองกำลัง มีอาวุธ และมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่เพราะต้องอยู่ใกล้ชิดชาวบ้านตลอดเวลา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสังคม จึงมีความเป็นประชาธิปไตยภายในสูงกว่า เมื่อเทียบกับองค์กรที่มีกำลังและอาวุธอย่างกองทัพ

สภาพเช่นนี้ ทำให้หน่วยงานอย่างตำรวจ จึงมีทั้งข้อดีและข้อด้อย

ข้อดีสำหรับชาวบ้านอย่างเราๆ ทั้งหลายนั้นมีแน่ คือ อย่างน้อยหน่วยงานตำรวจ ก็ไม่สามารถใช้อำนาจได้เกินเลย ไม่สามารถคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชนได้มากเท่ากับบางหน่วยราชการ

ลักษณะที่เปราะบางและมีความเป็นประชาธิปไตยภายในสูงนี่เอง ทำให้เก้าอี้ผู้นำองค์กรตำรวจ มักไม่แข็งแกร่งไม่มั่นคงไปด้วย

Advertisement

อย่างล่าสุดจู่ๆ ก็มีข่าวลือ จนทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลงานตำรวจ ต้องออกมาปฏิเสธด้วยตัวเองว่า ข่าวลือจะเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.ไม่เป็นความจริง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ยังทำหน้าที่ ผบ.ตร.ได้เป็นอย่างดี ไม่มีความผิดอะไร ไม่มีเหตุผลต้องโดนปลดย้าย

เช่นนี้แล้วก็คงช่วยสยบข่าวลือไปได้

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ข่าวลือเปลี่ยน ผบ.ตร. มักลือกันได้ง่าย ไม่มีเหตุมีผลอะไร นึกจะลือก็ลือได้นั้น

เป็นเพราะประวัติศาสตร์ของเก้าอี้ตัวนี้ ช่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นอธิบดีกรมตำรวจหรือ อ.ตร. มาจนถึงยุคที่เป็น ผบ.ตร.หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

หาคนที่นั่งเก้าอี้ครบวาระได้น้อยมาก ถ้าจะนั่งได้ครบแน่นอนก็ต้องมีวาระแค่ปีเดียวเท่านั้น

ยิ่งกรณีของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งอายุราชการยาวถึงปี 2563 หากนับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่งคือ 1 ตุลาคม 2558 ถ้านั่งครบวาระ จะเท่ากับอยู่นานถึง 5 ปี

เซียนขอบรั้วปทุมวันทุกสำนักชี้ตรงกันเลยว่า ยากจะอยู่ครบได้

ข่าวว่า แม้แต่เจ้าตัวเอง ก็เคยบอกเล่ากับคนใกล้ชิดว่า คงจะทำงานไปสักระยะหนึ่งตามเวลาที่เหมาะสม แล้วคงจะต้องลาออกก่อนเกษียณ

เพราะจะประคองตัวอยู่ท่ามกลางมรสุมและแรงเสียดทานสารพัดยาวถึง 5 ปีนั้น แทบเป็นไปไม่ได้

ขณะเดียวกัน ทันทีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์เข้าดำรงตำแหน่งและเห็นอายุราชการยาวขนาดนี้ บรรดานักเลื่อยเก้าอี้ ที่ต้องการโอกาสก้าวขึ้นบ้าง คงไม่นั่งรอเวลาอยู่เฉยๆ เป็นแน่

ข่าวลือที่โผล่ขึ้นมาช่วงนี้ จนรองนายกฯต้องออกมาสยบข่าวเอง น่าเชื่อว่าเป็นข่าวลือที่มาพร้อมกับเลื่อย เป็นการเริ่มลงมือเขย่าบัลลังก์ผู้นำตำรวจแล้ว หลังจากเพิ่งนั่งมาครบ 1 ปี

อีกทั้งจากคำแถลงของ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกตำรวจ ก็ชี้ว่าเป็นแผนประทุษกรรมเก่าๆ ที่เคยทำมาแล้วในอดีต เป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เคยทำด้วยวิธีเก่าๆ ใครที่อยู่เบื้องหลังสืบสวนง่ายยิ่งกว่าคดีอาชญากรรม

เท่ากับบอกว่า รู้ๆ กันอยู่ว่าคือใครที่ไหน

อาจกล่าวได้ว่า เก้าอี้ ผบ.ตร.นั้น ตามสถิติก็ไม่มั่นคงจริงๆ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้บ่อยจริงๆ แต่พร้อมๆ กัน แม้ว่าไม่มีเหตุผลอะไรต้องเปลี่ยนหรือปลด แต่ก็สามารถสร้างข่าวลือขึ้นมาทำลายกันได้ง่ายๆ เช่นกัน

กระนั้นก็ตาม หนนี้อาจต้องระวังกันให้ดี เพราะมีคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบการเผยแพร่ข่าวนี้ว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็จะไม่ละเว้นเป็นคดีแน่นอน

โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ต้องระวังกันให้มากๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image